ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีโดยการประชุมครั้งนี้มีมติว่า จะเดินหน้าขยายการเปิดกว้าง โดยจะออกมาตรการรับมือความยากลำบากและความท้าทายต่าง ๆ ดำเนินการปรับปรุงแบบข้ามวัฏจักรเศรษฐกิจและช่วยบรรเทาปัญหาที่วิสาหกิจเผชิญอยู่ โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และธุรกิจรายย่อยเป็นพิเศษ พยายามรักษาคำสั่งซื้อทางธุรกิจ และความคาดหวังของตลาด สนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการค้าต่างประเทศ
ที่ประชุมยังมีมติให้เตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) หลังมีผลบังคับใช้
ที่ประชุมชี้ว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของการนำเข้าและส่งออกของจีนในปีนี้มีส่วนสำคัญต่อเสถียรภาพและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การค้าต่างประเทศกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน ความไม่มั่นคง และความไม่สมดุลที่เพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการต่าง ๆ ดังนี้ คือ
ประการแรก จะให้การสนับสนุนการนำเข้าและส่งออกเชิงนโยบายมากขึ้น ดำเนินการตามมาตรการลดภาษีและค่าธรรมเนียม การขอคืนภาษีส่งออกจะได้รับการดำเนินการเร็วขึ้น ระยะเวลายื่นขอคืนภาษีส่งออกจะลดลงเหลือไม่เกิน 6 วันทำการ
จะต้องแนะนำให้ธนาคารพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ตามความต้องการของผู้ประกอบการการค้าต่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจะมีเสถียรภาพโดยพื้นฐาน และสนับสนุนธนาคารดำเนินการบริการรับซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ประกอบการการค้าต่างประเทศมีความยืดหยุ่นมากขึ้นต่อความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
เงื่อนไขการรับประกันภัยและชำระเบี้ยสินเชื่อส่งออกจะได้รับการปรับปรุงดีขึ้น จะเพิ่มการสนับสนุนแก่วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ในการค้าต่างประเทศและต้านความเสี่ยงจากการยกเลิกคำสั่งซื้อก่อนจัดส่ง โครงการความร่วมมือและการจับคู่ระหว่างภาคตะวันออกกับภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะลงลึกมากขึ้น จะสนับสนุนการโยกย้ายถิ่นฐานและการโอนการค้าแปรรูปไปยังพื้นที่อื่น และพยายามดำเนินการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ให้ดี
ประการที่สอง ส่งเสริมการพัฒนาการค้าต่างประเทศในรูปแบบใหม่ เช่น อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน จะมีการตั้งเขตนำร่องแบบบูรณาการสำหรับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนมากขึ้น และพัฒนากลุ่มเมืองที่เป็นศูนย์กลางการค้านอกชายฝั่ง สนับสนุนการพัฒนาและการใช้คลังสินค้าในต่างประเทศมากขึ้นตามกลไกตลาด จะปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพบัญชีรายชื่อสินค้านำเข้าขายปลีกผ่านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน และเพิ่มหมวดหมู่ของสินค้านำเข้าให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น
ประการที่สาม ปรับปรุงการบริการสำหรับวิสาหกิจให้ดีขึ้นและพยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สำหรับขายในประเทศและผลิตภัณฑ์ส่งออกผลิตใช้สายการผลิตเดียวกัน มีมาตรฐานเดียวกัน และคุณภาพเท่ากัน พร้อมทั้งขยายช่องทางการค้าและปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในปี 2022 การซื้อขายภายในประเทศของผู้ประกอบการการค้าแปรรูปจะได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยภาษีเงินได้ที่ค้างชำระเป็นการชั่วคราว
ประการที่สี่ จะพยายามบรรเทาแรงกดดันด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ สนับสนุนบริษัทการค้าต่างประเทศทำสัญญาระยะยาวกับบริษัทการเดินเรือ จะใช้มาตรการปราบปรามตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่อพฤติกรรมละเมิดกฎหมายต่าง ๆ เช่น การเก็บค่าธรรมเนียมตามอำเภอใจและการปรับขึ้นราคาสินค้าหรือบริการในระดับที่ไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ยังจะสนับสนุนสถาบันการเงินจัดหาเงินทุนที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์แก่วิสาหกิจการค้าต่างประเทศขนาดย่อมและรายย่อยที่เข้าเงื่อนไข
ประการที่ห้า สนับสนุนท้องที่ต่าง ๆ พัฒนาและปรับปรุงระบบตามสภาพความเป็นจริงและดำเนินการช่วยเหลือเชิงรุกในการปรับระบบการค้า เพื่อรักษาเสถียรภาพห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน
การประชุมครั้งนี้ยังระบุด้วยว่า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2022 ต้องสนับสนุนวิสาหกิจต่าง ๆ รักษาโอกาสนี้ไว้ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ ยกระดับการค้าการลงทุน ตลอดจนผลักดันการยกระดับอุตสาหกรรมภายในประเทศ
(tim/cai)