สำนักข่าวแห่งประเทศจีนรายงานว่า วันที่ 8 มกราคม เมืองอันหยาง มณฑลเหอหนาน ได้ตรวจพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน 2 ราย และเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดลุกลาม ทางการท้องถิ่นได้ประกาศใช้มาตรการปิดเมืองเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา
วันที่ 10 มกราคม นางสาวซ่ง เสี้ยวเถียน นักศึกษาหญิงชั้นปีที่ 2 เอกเทคนิคการทดสอบทางการแพทย์ จากสถาบันการแพทย์ซินเซียง เมืองอันหยาง เพิ่งปิดเทอมภาคเรียนฤดูหนาว พอทราบว่า อำเภอหวา บ้านเกิดของเธอกำลังเปิดรับอาสาสมัครด้านการแพทย์ เธอก็รีบโทรไปติดต่ออย่างไม่ลังเล โดยบอกว่า “ฉันกำลังเรียนเอกเทคนิคการทดสอบทางการแพทย์”
คืนวันที่ 10 มกราคม เวลา 23.00 น. นางสาวซ่ง เสี้ยวเถียน หลังผ่านการฝึกอบรมได้เดินเข้าไปในห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลชั่วคราวที่รักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะ พร้อมกับอาสาสมัครคนอื่นๆ และเริ่มทำงานการทดสอบกรดนิวคลีอิก
"เหมือนทหารในสนามรบ พอปืนดังขึ้น ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น" ซ่ง เสี้ยวเถียน หญิงสาวเกิดในปี 2002 อธิบายความรู้สึกแรกเริ่มของเธอหลังจากเดินเข้าไปในห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลชั่วคราว
ในห้องปฏิบัติการ นางสาวซ่ง เสี้ยวเถียน ตั้งใจทําทุกขั้นตอนของกระบวนการการทดสอบ เธอบอกว่า
“ความเร็วทำการทดสอบในโรงพยาบาลชั่วคราวของเราสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มจากจำนวน 1,400 ชุดในวันแรกที่ฉันเข้ามาทำงานมาเป็นวันละกว่า 5,600 ชุดในปัจจุบัน”
เนื่องจากการทดสอบกรดนิวคลีอิกจะ "จัดการกับไวรัส" อย่างใกล้ชิดทุกวัน นางสาวซ่ง เสี้ยวเถียน และบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัครที่ทํางานในโรงพยาบาลชั่วคราวไม่สามารถกลับบ้านได้ จำเป็นต้องไปพักในโรงแรมที่กำหนดไว้อย่างรวมศูนย์ โดยมีอาสาสมัครขับรถส่วนตัวไปรับส่งซ่ง เสี้ยวเถียน และเพื่อนร่วมงานของเธอระหว่างโรงพยาบาลกับโรงแรม มีอยู่วันหนึ่ง ซ่ง เสี่ยวเถียน นั่งอยู่ในรถกลับโรงแรม บังเอิญได้ยินการสนทนาระหว่างอาสาสมัครกับลูกชายว่า "พ่อ เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน" อาสาสมัครผู้เป็นพ่อตอบว่า "รอสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดเบาลงหน่อย ตอนที่ทุกคนไม่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยอีก พ่อจะกลับบ้าน"
"ตอนนั้น ฉันฟังแล้วรู้สึกน้ำตาจะไหล ใจคิดว่าเพื่อเอาชนะโควิด-19 ทุกคนใช้ความพยายามอย่างเต็มที่” ซ่ง เสี้ยวเถียน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า "ฉันก็เป็นอาสาสมัครเหมือนกัน ฉันรู้สึกแบบเดียวกันกับพ่อคนนั้น"
ขณะนี้ ซ่ง เสี้ยวเถียน ต้องทำงานในห้องปฏิบัติการเป็นเวลา 12 ชั่วโมง เนื่องจากต้องสวมชุดป้องกันตลอด ตอนเลิกงาน ผมของเธอจะเปียกโชก ใบหน้าก็จะมีรอยกดทับต่างๆ แต่ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน เธอยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด
เธอบอกว่า “หากไม่มีเรื่องจำเป็นจริงๆ ฉันจะไม่ออกจากห้องปฏิบัติการเลย” เพราะทุกครั้งที่ออกมาต้องถอดเปลี่ยนชุด แล้วชุดป้องกันที่ถอดลงมาต้องทิ้งเสียไป ซ่ง เสี้ยวเถียน รู้สึกว่าเสียของและเสียเวลาในการตรวจสอบตัวอย่างหลายชุด
การเป็นบุคลากรทางการแพทย์เป็นความปรารถนาของซ่งเสี้ยวเถียน ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน ย้อนไปเมื่อปี 2020 เชื้อไวรัสโควิด-19แพร่ระบาดอย่างรุนแรง บรรดาบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลพากันไปทำงานในแนวหน้า ซึ่งทำให้ซ่ง เสี้ยวเถียน รู้สึกซาบซึ้งใจมาก เวลานั้น เธอกำลังเรียนมัธยมปลาย เธอบอกว่า ตั้งแต่นั้นมา เธอก็คิดจะเรียนการแพทย์" ปีนั้น ซ่ง เสี่ยวเถียน สมัครใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยการแพทย์ และเลือกเทคนิคการทดสอบทางการแพทย์ เป็นวิชาเอกของตน
"ฉันยินดีไล่ตามรอยเท้าของคนรุ่นก่อน และใช้ความพยายามอย่างดีที่สุด หากการระบาดของโควิด-19 ยังไม่ทุเลาลงฉันก็จะไม่ถอย สู้ ๆ บ้านเกิดของฉัน" ซ่ง เสี้ยวเถียนได้ลงข้อความดังกล่าวทางสื่อวีแชท
ปัจจุบัน สถานการณ์ป้องกันควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในเมืองอันหยางยังคงหนักหนา อาสาสมัครจำนวนกว่า 90,000 คน กำลังทำงานในแนวหน้าของการป้องกันโควิด-19 และซ่ง เสี้ยวเถียน ก็เป็นเพียงหนึ่งในบรรดาอาสาสมัครเหล่านี้ (Yim/Zhou/Dandan)