เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน สหรัฐฯ จัดการประชุมทางไกลกับตัวแทนไต้หวันของจีน โดยได้ประกาศเริ่มดำเนินสิ่งที่เรียกว่าข้อริเริ่มทางการค้าในศตวรรษที่ 21 ระหว่างสหรัฐฯ-ไต้หวัน ถือเป็นอีกเรื่องตลกทางการเมืองที่สร้างขึ้นโดยพันธมิตรสหรัฐฯ-ไต้หวันที่ถือการค้าและเศรษฐกิจเป็นข้ออ้าง โดยยังคงเป็นกลวิธีเก่าของสหรัฐฯ ที่อยากจะใช้ไต้หวันเพื่อควบคุมจีน และพึ่งพาสหรัฐฯ เพื่อให้ไต้หวันแสวงหาเอกราช การกระทำของสหรัฐฯ นี้ละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ในแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ 3 ฉบับ และจะนำความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไปสู่สถานการณ์อันตรายอย่างแน่นอน

ตามแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ 3 ฉบับ สหรัฐฯ ยอมรับว่ามีจีนเพียงแห่งเดียวในโลก ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของจีนแต่เพียงหนึ่งเดียว ทั้งยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักษาความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับไต้หวัน เช่น วัฒนธรรม การค้า และอื่น ๆ จะเห็นได้ว่าหลักการจีนเดียวเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นที่ไต้หวันมีส่วนร่วมความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศ สหรัฐฯ ตั้งใจที่จะเจรจากับทางการไต้หวันเพื่อลงนามในข้อตกลงที่มีนัยอธิปไตยและลักษณะเป็นทางการ ซึ่งละเมิดหลักการจีนเดียว รวมทั้งส่งสัญญาณผิดไปยังกองกำลังแบ่งแยกดินแดน "เอกราชของไต้หวัน" อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งยังแสดงให้เห็นอีกครั้งว่า สหรัฐฯ พูดอย่างทำอย่าง และได้ทรยศต่อคำสัญญาของตนในประเด็นไต้หวันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่สหรัฐฯ และไต้หวันจะประกาศเริ่มดำเนินสิ่งที่เรียกว่าข้อริเริ่มทางการค้าในศตวรรษที่ 21 เพียงหนึ่งสัปดาห์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศเริ่มดำเนินสิ่งที่เรียกว่า "กรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก" ในระหว่างการเยือนญี่ปุ่น สนับสนุน "การแยกตัว" จากจีนในห่วงโซ่อุปทาน และทำความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด และการต่อต้านการทุจริต ตามรายงานที่เกี่ยวข้องสิ่งที่เรียกว่าข้อริเริ่มทางการค้าในศตวรรษที่ 21 ระหว่างสหรัฐฯ-ไต้หวันวางแผนที่จะร่วมมือกันในประเด็นต่าง ๆ เช่น การค้าดิจิทัล การอำนวยความสะดวกด้านศุลกากร และการต่อต้านการทุจริต

จะเห็นได้ว่ามีความคล้ายคลึงกันมากของทั้งสองข้อริเริ่มดังกล่าว สำหรับพรรคหมินจิ้น ทางการไต้หวัน ข้อริเริ่มนี้เป็น "รางวัลชมเชย" สำหรับการกีดกันไต้หวันออกจาก "กรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก" ส่วนสหรัฐฯ กำลังพยายามใช้ไต้หวันเป็นหมากอย่างเต็มที่ในขณะที่พยายามสร้าง "กลุ่มเศรษฐกิจ" ในเอเชีย ซึ่งกล่าวได้ว่า สิ่งที่เรียกว่า "ข้อริเริ่ม" เป็นเพียงความพยายามที่จะกดขี่และปราบปรามจีนในนามของความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า

ประเด็นไต้หวันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หลักของจีน ทั้งยังเป็นประเด็นหลักที่สำคัญ มีความละเอียดอ่อน และเป็นแกนหลักที่สุดในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ จีนได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า หากปัญหาไต้หวันไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ก็จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันได้ให้คำมั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า จะปฏิบัติตามนโยบายจีนเดียวและไม่สนับสนุน "เอกราชของไต้หวัน" แต่การกระทำจริงกลับไปในทิศทางตรงกันข้าม สหรัฐฯ ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมในประเด็นไต้หวันอย่างต่อเนื่องเมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมทั้งกำลังขัดขวางสันติภาพและเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวัน

อันที่จริงยิ่งสหรัฐฯ เล่น "ไพ่ไต้หวัน" ในหลาย ๆ ด้านมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าวิธีการกักขังจีนนั้นไร้ความสามารถมากเท่านั้น จีนต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแน่นอน นี่คือแนวโน้มกระแสหลักของการพัฒนาทางประวัติศาสตร์และไม่มีใครหรือพลังใดจะหยุดได้ การยั่วยุที่ท้าทายของสหรัฐฯ จะทำให้พรรคหมินจิ้น ทางการของไต้หวัน "กระโดดสูงและล้มลงอย่างเลวร้ายมาก" และยังติดป้ายกำกับ "การทรยศ" ให้แน่นยิ่งขึ้น

Tim/kt/cui