สัปดาห์แห่งการประชุมนอกรอบของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกหรือเอเปคครั้งที่ 18 จัดขึ้นที่เมืองโยโกฮามาประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 7-14 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคจะเปิดขึ้นในวันที่ 13-14 พฤศจิกายนนี้ จีนในฐานะประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญ จะร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านกาารพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อร่วมกันรับมือกับการท้าทายใหม่ สร้างครอบครัวใหญ่ที่มีสันติภาพถาวรและเจริญรุ่งเรือง
นายชาร์ลิส โมริสัน ประธานคณะกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจแปซิฟิก ประธานศูนย์ตะวันออกและตะวันตกรัฐฮาวายสหรัฐอเมริกาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ขณะที่จีนเข้าเป็นสมาชิกเอเปคเมื่อปี 2534 นั้น จีนยังไม่ได้เป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก และกำลังพยายามศึกษาระบบสากลที่ตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ปัจจุบันนี้ จีนมีความเชี่ยวชาญในการร่วมกิจกรรมของเอเปค ไม่แพ้ประเทศใดอย่างมาก
นางหวัง ลี่ลี่ รองผู้ว่าการธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์หรือ ICBC กล่าวว่า เธอดำรงตำแหน่งเป็นผู้แทนจีนประจำคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของเอเปคมา 12 ปีแล้ว รู้ว่าเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วและกลมกลืนกับกระแสโลกาภิวัตน์อย่างต่อเนื่อง
สำหรับเอเปค การเข้าเป็นสมาชิกของจีนไม่เพียงแต่ได้เพิ่มจำนวนสมาชิกเท่านั้น หากยังทำให้แนวคิดขององค์การนี้มีความหลากหลาย โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ที่วิกฤตการเงินโลกยังไม่สิ้นสุด ยังมีผลกระทบตามมาเรื่อยๆ การพื้นฟูเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอนอีกมากมาย แนวคิดของจีนกำลังเป็นที่รับรู้ในหมู่ชาติสมาชิกของเอเปค
ในที่ประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่สิงคโปร์เมื่อปีที่แล้ว บรรดาผู้นำที่ร่วมประชุมเห็นพ้องกันว่า ต้องเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเอเชียแปซิฟิก เพื่อรับมือกับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการเงินโลก ด้วยความพยายามของจีนและประเทศสมาชิกอื่นๆของเอเปค การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคปีนี้ มีหวังที่จะผ่านแถลงการณ์ฉบับหนึ่งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศเอเชียแปซิฟิค และเป็นเอกสารชี้นำการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ร่างแถลงการณ์ระบุว่า ผู้นำเอเปคจะเดินหน้าต่อต้านลัทธิปกป้องทางการค้า และเห็นพ้องที่จะขยายพันธสัญญางดเว้นการตั้งกำแพงการค้าใหม่ๆ ที่ตกลงกันไว้ในปี 2551 ให้ไปสิ้นสุดในปี 2556
นอกจากนี้ ผู้นำด้านการเมือง เศรษฐกิจและนักวิชาการที่เข้าร่วมประชุมล้วนมีความเห็นว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจพัฒนาอย่างไม่สมดุลกันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ต้องปฎิรูปโครงสร้าง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญมาก และต้องอาศัยความพยายามร่วมกันของสมาชิกทั้งหลาย การแก้ปัญหาเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนต้องขยายความต้องการภายในประเทศ ส่วนการแก้ปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐอเมริกาก็ต้องลดตัวเลขแดงทางการคลังและการค้า
IN/QI
