นายเหมียว ยู่ ระบุว่า ปัจจุบัน ธุรกิจขนาดกลาและขนาดย่ิอมได้กลายเป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจีน สถิติปรากฏว่า ในประเทศจีน จำนวนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมครองสัดส่วน 99% ของธุรกิจและวิสาหกิจทั้งหมด สร้างมวลรวมเศรษฐกิจเกือบ 60% สร้างรายได้การคลังราว 50% และสร้างตำแหน่งงานเกือบ 80% ทั่วประเทศ เขากล่าวว่า
"ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีบทบาทสำคัญอย่างสูงในด้านการส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจทั้งในเมืองและชนบท เพิ่มรายได้การคลัง ขยายโอกาสการมีงานทำ ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ เป็นต้น "
นอกจากนั้น ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังมีความหมายสำคัญในด้านการสร้างนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมการผลิตดั้งเดิมให้ดีขึ้น และการผลักดันการพัฒนาของอุตสาหกรรมการผลิตที่ทันสมัย เป็นต้น
นายเหมียว ยู่ กล่าวว่า "การสร้างนวัตกรรมของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินไปอย่างคึกคักมาก ไม่ว่าในด้านนิวไฮเทค เช่น ข้อมูลข่าวสาร ชีวภาพและวัสดุใหม่ หรือการออกแบบอุตสาหกรรม การโลจิสติกส์ทันสมัย เป็นต้น "
ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ก็เผชิญกับความยากลำบากไม่น้อย ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สินของยุโรป ทำให้ยอดสั่งซื้อของการค้าต่างประเทศลดน้อยลงอย่างมาก รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลง ทำให้ปัญหา "การระดมเงินทุนยาก" และ "สร้างกำไรยาก" ของธุรกิจเหล่านี้นับวันโดดเด่นยิ่งขึ้น
สำหรับความยากลำบากที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเผชิญอยู่ นายเหมียว ยู่ กล่าวว่า จีนจะดำเนินแผนผลักดันการพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นำธุรกิจเหล่านี้ก้าวสู่หนทางการพัฒนาที่มีเทคโนโลยีใหม่เป็นตัวนำและมีเอกลักษณ์ของตน เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีศักยภาพและมีความได้เปรียบเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
(Ton/Lin)