เมื่อปี 2010 ในที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติและสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติ นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลต่อที่ประชุมโดยระบุว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่รัฐกำลังทำอยู่นั้น ก็เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีศักดิ์ศรีมากขึ้น
ผลการสำรวจฉบับหนึ่งระบุว่า จีนมี 100 กว่าเมืองได้ตั้งเป้าหมายการสร้างเมืองแห่งความสุข และเมื่อเดือนกันยายนปี 2012 ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจสาธารณะของจีนประกาศอันดับเมืองแห่งความสุขของจีน ปรากฏว่า เมืองที่ติด 4 อันดับต้นๆ ได้แก่เหอเฝย ไท่หยวน กว่างโจวและลาซา ซึ่งล้วนไม่ใช่เมืองใหญ่ที่เจริญ ส่วนปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของจีน กลับอยู่อันดับ 96 และ 99 ในบรรดา 100 กว่าเมือง
คนส่วนใหญ่เห็นว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนในเมืองใหญ่รู้สึกไม่มีความสุขคือ ราคาบ้านแพงและความกดดันจากการทำงาน แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญบางคนไม่เห็นด้วยกับกับการจัดอันดับดังกล่าว เนื่องจากเมืองต่างๆ มีทำเลที่ตั้งและสภาพไม่เหมือนกัน จึงมิอาจเทียบกันได้ แต่สิ่งที่ยอมรับกันโดยทั่วไปคือ คนที่อาศัยในเมืองขนาดเล็กมีความสุขมากกว่า เพราะคนที่อาศัยในเมืองใหญ่ต้องเผชิญกับปัญหาการผ่อนบ้าน การจราจรติดขัด และจังหวะชีวิตเร็วเกินไป ซึ่งล้วนส่งผลต่อความรู้สึกของคนในเมือง
ผลการสำรวจจากสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีแสดงว่า รายได้ สุขภาพ ชีวิตสมรสและเรื่องความรักเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความสุขมากที่สุด
เกี่ยวกับเรื่องรายได้นั้น ผลการวิจัยแสดงว่า เมื่อจีดีพีเฉลี่ยต่อคนมากกว่า 37,000 หยวน บทบาทของรายได้ที่มีต่อความสุขจะค่อยๆ ลดน้อยลง และผลการวิจัยนี้ก็ได้รับยืนยันจากการสำรวจความรู้สึกของชาวเมืองหลายเมืองด้วย โดยชาวเมืองปักกิ่ง เสิ่นหยาง ซีอัน หางโจว กว่างโจวและคุนหมิงแสดงความคิดเห็นว่า ระดับความสุขไม่ได้เพิ่มขึ้นตามระดับความมั่งคั่งที่สูงขึ้น ตรงกันข้าม ชาวเมืองที่มีรายได้ค่อนข้างสูงกลับรู้สึกไม่มีความสุข แต่กล่าวโดยทั่วไปแล้ว กลุ่มคนที่มีรายได้สูงมีความสุขมากกว่ากลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำ
และสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ผลการสำรวจยังปรากฏว่า กลุ่มข้าราชการมีความสุขมากที่สุด รองลงมาคือเจ้าของธุรกิจส่วนตัว ส่วนความสุขของกรรมกรและเกษตรกรต่ำกว่าระดับถัวเฉลี่ย และกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยในเมืองมีความสุขน้อยที่สุด
จึงไม่ิแปลกนักที่การสอบคัดเลือกข้าราชการปีนี้ทำไมจึงมีคนเข้าสอบกว่า 2 ล้านคน และตำแหน่งบางอย่างมีผู้แข่งขันมากถึงหลายพันคนทีเดียว
ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า ความเหลื่อมล้ำของสังคม การกระจายรายได้ไม่เท่าเทียมกัน การแบ่งปันทรัพยากรด้านการรักษาพยาบาลและการศึกษาไม่เท่าเทียมกัน ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น...... สรุปแล้วคือ ความเสมอภาคเท่าเทียมกันของสังคม เป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความสุขมากที่สุด