ระหว่างการพูดคุย ผู้แทนทั้งสองฝ่ายระบุว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ให้คืบหน้าบนพื้นฐานของความร่วมมือ และเคารพซึ่งกันและกัน
นายเว่ย เจี้ยนกั๋ว ผู้อำนวยการศูนย์การแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจระหว่างประเทศจีนระบุว่า การที่จีน-สหรัฐฯ กระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งด้านการลงทุน การค้า การสร้างงาน การคลัง หรือโครงการความร่วมมือที่มากกว่าสองฝ่าย ล้วนแล้วแต่จะสร้างอนาคตที่ดีทั้งสิ้น
"เวลานี้คู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนคือ สหภาพยุโรป แต่คาดว่าปีนี้สหรัฐฯอาจจะแซงหน้าสหภาพยุโรปตามที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกล่าวไว้ในที่ประชุมฟอรั่มโป๋อ๋าวว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า จีนจะนำเข้าสินค้าในวงเงิน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ คาดว่าจะไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งรวมกันแล้วก็มากถึง 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังจะมีชาวจีน 500 ล้านคนที่คาดว่าจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วย ดังนั้นหากเห็นโอกาสที่ดีนี้ ความร่วมมือของสองฝ่ายก็จะทำให้เกิดความสำเร็จครั้งใหญ่
ด้านศาสตราจารย์หลิว จุนอี้ จากมหาวิทยาลัยภาษาจีนฮ่องกงกล่าวว่า เศรษฐกิจสองประเทศมีส่วนเกื้อกูลกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเพิ่มศักยภาพความร่วมมือให้มากขึ้นในอนาคต เช่นด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารและการใช้พลังงาน
"สหรัฐฯ มีเทคโนโลยีการเกษตรและระบบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งหมายความว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตทางการเกษตร และส่งออกไปยังจีนได้มากขึ้น มีส่วนช่วยจีนประกันความมั่นคงทางอาหารและความปลอดภัยของอาหาร
ด้านพลังงานนั้น จีนมีปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซหินแผ่น (shale) จำนวนมาก ซึ่งผู้ประกอบการพลังงานของสหรัฐฯ สามารถเข้าร่วมลงทุนและร่วมมือกันทางเทคโนโลยีได้"
(NUNE/LING)