สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ทั้งสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาล้วนประกาศเพิ่มการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ครอบคลุมด้านการเงิน พลังงานและการทหาร กระตุ้นให้สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของโลกตึงเครียดขึ้นทันที ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ ประชาคมโลกกังวลผลกระทบที่เกิดจากการเป็นปฏิปักษ์ระหว่างโลกตะวันตกกับรัสเซีย นักวิเคราะห์เห็นว่า มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของโลกตะวันตกสามารถทำลายเศรษฐกิจรัสเซียก็จริง แต่ผลที่ตามมาก็เป็นผลเสียให้กับยุโรปและสหรัฐฯด้วย

นายโฮเซ่ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมธิการยุโร และนายเฮอร์แมน ฟาน รอมปุย ประธานคณะมนตรียุโรป เป็นผู้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ ได้แก่ จำกัดองค์กรการเงินภาครัฐของรัสเซียในการเข้าตลาดการเงินของสหภาพยุโรป สั่งห้ามเคลื่อนย้ายอาวุธ (arms embargo) เข้าออกรัสเซีย สั่งห้ามส่งออกผลิตภัณฑ์ทั้งทางทหารและพลเรือนให้กับบรรดาผู้ใช้ที่ที่มีสายสัมพันธ์กับกองทัพ จำกัดรัสเซียในการนำเข้าเทคโนโลยีระดับสูงที่มีความละเอียดอ่อน โดยเฉพาะทางด้านอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียม ทั้งหมดนี้นับเป็นมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่ร้ายแรงที่สุดของสหภาพยุโรปหลังจากเกิดปัญหายูเครนขึ้นมา

ส่วนทางด้านสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีบารัค โอบามาประกาศ เลิกการส่งออกอุปกรณ์และเทคโนโลยีเฉพาะรายการแก่แวดวงพลังงานของรัสเซีย ขณะเดียวกัน หยุดใช้มาตรการกระตุ้นการส่งออกไปยังรัสเซีย และปิดการระดมทุนต่อโครงการพัฒนาของรัสเซียด้วย

นักวิเคราะห์เห็นว่า สำหรับสหภาพยุโรปแล้ว ระดับการคว่ำบาตรรัสเซียรอบนี้ รุนแรงเป็นพิเศษ ย่อมกระทบเศรษฐกิจรัสเซียที่ซบเซาอยู่แล้วอย่างหนัก แต่ก็อาจจะ "เป็นไฟที่กลับมาเผาตัวเอง" เพราะสหภาพยุโรปเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับหนึ่งของรัสเซีย ยอดการค้าทวิภาคีในปี 2013 เป็น 450,500 ล้านเหรียญสหรัฐ มาตรการจำกัดการระดมทุนย่อมกระทบความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าอย่างรุนแรง นอกจากนี้ รัสเซียกุมชีพจรพลังงานของสหภาพยุโรปไว้ในกำมือ เป็นผู้สนองก๊าสธรรมชาติประมาณ 1 ใน 3 ของตลาดยุโรป เมื่อรัสเซียใช้มาตรการตอบโต้ขึ้นมา ฝ่ายยุโรปก็ต้องเผชิญกับปัญหาร้ายแรงทางเศรษฐกิจและสังคม เศรษฐกิจเขตยูโรโซลย่อมประสบผลเสียหายจากการนี้ด้วย

ขณะที่ทางด้านสหรัฐฯ การคว่ำบาตรรัสเซียจะทำให้ตนเองประสบ "ผลร้าย" ทางยุทธศาสตร์ ทำให้ระดับความร่วมมือสหรัฐฯ – รัสเซียเกี่ยวกับประเด็นระดับโลกหลายๆ อย่างต้องลดต่ำลง ซึ่งจะทำลายผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ในระยะยาวของสหรัฐฯ นักวิเคราะห์ชาวรัสเซียมั่นใจว่า การที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในด้านเศรษฐกิจและการเงินนั้น ย่อมกระทบถึงแวดวงอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน

IN/FENG