สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เนื่องจากจีนเป็นประเทศสมาชิกริเริ่มของสหประชาชาติและประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ดังนั้น ตามหลักการของประชาคมโลก หลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาขึ้นแล้ว จึงควรให้ผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าประจำสมัชชาสหประชาชาติและองค์กรที่เกี่ยวข้องของสหประชาชาติ โดยไม่ให้ผู้แทน "สาธารณรัฐจีน" ประจำสหประชาชาติอีก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาคัดค้าน ผู้แทน "สาธารณรัฐจีน" จึงยังคงประจำสหประชาชาติต่อ ทางการพรรคก๊กมิ่นตั๋งไต้หวันยังคงยึดที่นั่งของจีนในสหประชาชาติต่อไป

ต่อจากนั้น เพื่อได้ที่นั่งที่ชอบธรรมในสหประชาชาติคืน รัฐบาลจีนกับประชาชนจีนได้ดำเนินการต่อสู้เป็นเวลานาน จนได้รับการสนับสนุนจากประเทศต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ 26 ในปี 1971 มีการเปิดอภิปรายเกี่ยวกับที่นั่งของจีนในสหประชาชาติ โดยเริ่มอภิปรายกันตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม และในวันที่ 25 ตุลาคมมีการลงมติเกี่ยวกับญัตติว่าด้วยการคืนสิทธิที่ชอบธรรมทุกประการในสหประชาชาติให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีนและขับไล่ "ผู้แทน" ของพรรคก๊กมิ่นตั๋งไต้หวันออกจากสหประชาชาติและองค์การใต้สังกัดสหประชาชาติทุกองค์กร ญัตติดังกล่าวมี 23 ประเทศเป็นผู้ร่วมเสนอ ซึ่งรวมถึงแอลเบเนียและแอลจีเรีย ผลการลงมติปรากฏว่า ญัตติดังกล่าวผ่านด้วยเสียงสนับสนุน 76 เสียง คัดค้าน 35 เสียง และงดออกเสียง 17 เสียง ประธานฝ่ายบริหารของสมัชชาสหประชาชาติในสมัยนั้นชี้ขาดว่า "การคืนที่นั่งที่ชอบธรรมในสหประชาชาติให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็เป็นนัยว่าไต้หวันไร้ซึ่งที่นั่งในสหประชาชาติ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะลงมติเกี่ยวกับที่นั่งของไต้หวันอีก"

จากนั้นเมื่อวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายนปี 1971 คณะผู้แทนจีนเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติเป็นครั้งแรก โดยหัวหน้าคณะผู้แทนจีนในนามรัฐบาลจีนกล่าวขอบคุณมิตรประเทศที่ใช้ความพยายามอย่างไม่ลดละเพื่อคืนสิทธิประโยชน์ที่ชอบธรรมในสหประชาชาติให้กับจีน พร้อมทั้งชี้แจงจุดยืนและหลักการของรัฐบาลจีนในปัญหาสำคัญๆ ซึ่งทุกประเทศในโลกต่างให้ความสำคัญกันมาก การที่จีนได้ที่นั่งที่ชอบธรรมในสหประชาชาติคืนมา นับเป็นผลคืบหน้าสำคัญด้านการทูตของจีน เป็นผลแห่งการใช้ความพยายามร่วมกันของทุกประเทศในโลกที่รักสันติภาพและความเป็นธรรม จึงมีความสำคัญที่ลุ่มลึกและยาวไกล

(IN/LING)