抗战史上今天/白求恩
|
วันที่ 31 มีนาคม 1938 เป็นวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แคนาดาและสหรัฐอเมริกาส่งตัวนายแพทย์นอร์แมน เบทูน แพทย์ศัลยกรรมส่วนอกที่มีชื่อเสียงของโลกพร้อมคณะจากนานาประเทศเดินทางไปยังจีน
ก่อนออกเดินทาง เบทูนเขียนจดหมายกล่าวลาภรรยาว่า "ผมจะไม่ยอมอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าและโกหกโดยปราศจากการลุกขึ้นต่อสู้ ผมจะไปประเทศจีน ประเทศที่ผมสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้อย่างเต็มที่"
เดือนพฤษภาคม 1938 เบทูนเดินทางออกจากเหยียนอันไปยังแนวรบสงครามต่อต้านญี่ปุ่นเขตรบจิ้นฉาจี้ (ครอบคลุมพื้นที่มณฑลซานซี ฉาฮาเอ่อร์และเหอเป่ย) ระหว่างทางเขาก็พบว่าโรงพยาบาลของกองพลที่ 8 กองทัพปฏิวัติประชาราษฎร์นั้น ยังขาดแคลนอุปกรณ์และทีมรักษาทางการแพทย์อยู่มาก ทำให้หทารที่ได้รับบาดเจ็บจากสงครามไม่ได้รับการรักษาเท่าที่ควร เขาจึงเขียนรายงานฉบับแรกถึงเหมา เจ๋อตุง เสนอให้สร้างโรงพยาบาลแนวหลังอย่างเป็นทางการ
คณะกรรมการการทหารส่วนกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว และก็ได้ดำเนินการจัดสร้่างโรงพยาบาลสาทิตซงเหยียนโข่วที่อู่ไถซานขึ้นในเวลาต่อมา ภายหลังจากแล้วเสร็จ โรงพยาบาลแห่งนี้เปิดใช้ทันที ในแต่ละวันจะมีทหารที่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวมารักษาที่นี่ไม่ขาดสาย เบทูนต้องทำการผ่าตัดมากกว่า 10 รายต่อวัน ชีวิตของเขาในช่วงนั้นนอกจากจะต้องเร่งรักษาชีวิตเหล่าทหารแข่งกับเวลาแล้ว เขายังคิดค้นประดิษฐ์อุปกรณ์รักษาพยาบาลชนิดต่าง ๆ ทั้งยังใช้เงินเบี้ยเลี้ยงของตัวเองซื้อบุหรี่ให้กับทหารที่รักษาตัวในโรงพยาบาลด้วย
เดือนกันยายน 1938 กองทัพญี่ปุ่นระดมกำลังพลกว่า 20,000 นายบุกเข้าโจมตีกวาดล้างอย่างบ้าระห่ำที่เขตอู่ไถซาน โรงพยาบาลสาทิตซงเหยียนโข่วที่เพิ่งสร้างเสร็จได้เพียง 15 วันก็ถูกทหารญี่ปุ่นเผาวอดไปด้วย
เหตุการณ์นี้ทำให้เบทูนรู้สึกเสียใจมากและตระหนักได้ว่า การสร้างโรงพยาบาลถาวรท่ามกลางภาวะสงครามนั้นเป็นเรื่องที่ไปไม่ได้ เขากับคณะแพทย์จึงตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบการทำงานจากอยู่กับที่เป็นเคลื่อนไปตามสมรภูมิรบต่อต้านญี่ปุ่นทางภาคเหนือของจีน ช่วยรักษาและสร้างขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารรบแนวหน้าได้เป็นอย่างมาก
ภาพที่ถูกถ่ายในวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งห่างจากแนวรบส่วนหน้าเพียง 3.5 กิโลเมตรใบนี้เป็นที่รู้จักกันดีของชาวจีนจำนวนมาก เพราะวัดแห่งนี้เป็นวัดที่เบทูนกับแพทย์คนอื่น ๆ ใช้ปักหลักเพื่อทำการรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บ
การปะทะกันระหว่างกองกำลังของทั้งสองฝ่ายดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ กองทัพญี่ปุ่นเคลื่อนตัวประชิดเข้าใกล้วัดขึ้นทุกขณะ ทหารรักษาการณ์ขอร้องให้้เบทูนรีบถอนตัวออกจากวัดแห่งนี้ ทว่าเบทูนกลับรอจนทหารผู้ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาคนสุดท้ายถูกยกขึ้นเตียงและทำการผ่าตัด เขาใช้มือขวาล้วงเข้าไปในแผลเพื่อตรวจดูอาการกระดูกหัก ด้วยความเร่งรีบจึงถูกเศษกระดูกบาดเข้าที่นิ้วกลางจนเป็นแผล หลังจากนั้น 2 วัน เบทูนได้ทำการผ่าตัดอีกครั้งให้แก่ทหารนายหนึ่งที่มีแผลติดเชื้อ ในระหว่างการผ่าตัดนั่นเอง มีดบาดถุงมือจนขาดทำให้เขาติดเชื้อตามไปในที่สุด
เบทูนถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 1939 ที่หมู่บ้านหวงสือโข่ว อำเภอถางเซี่ยน มณฑลเหอเป่ย ทั้งที่เขายังห่วงหาอาวรณ์ประชาชนจีนและภารกิจสงครามต่อต้านญี่ปุ่นที่เขาอุทิศตนมาโดยตลอด
วันที่ 5 มกราคม 1940 มีการจัดพิธีไว้อาลัยเบทูนที่ตำบลจุนเฉิง อำเภอถางเซี่ยน นายพลเนี่ย หรุงเจิน ผู้บัญชาการเขตรบจิ้นฉาจี้บรรจุศพของเบทูนลงในโลงด้วยตนเอง
นายแพทย์นอร์แมน เบทูนได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวแทนมิตรชาวต่างชาติผู้สนับสนุนสงครามต่อต้านฟาสซิสต์ของจีน คุณูปการและความเสียสละของเขาประชาชนจีนจะจดจำไปตลอดกาล