ความเป็นมาของเส้นทางสายไหม ตอนที่ 1 (1)
  2015-07-29 14:57:25  cri

ปี ค.ศ.2013 ผู้นำจีนเสนอข้อริเริ่มเรื่องพัฒนาเส้นทางสายไหม ที่จะเป็นการเชื่อมโยงภูมิภาคต่างๆเข้าด้วยกัน รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมการค้าการลงทุน และการไปมาหาสู่ระหว่างกันของประชาชนประเทศต่างๆ ทั่วโลก วันนี้ เราจะมาเล่าเรื่องความเป็นมาของเส้นทางสายไหมในสมัยโบราณ ตอนที่ 1

การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ ความคิดและบุคลากรระหว่างจีนกับต่างประเทศผ่านทางบกและทางทะเลมีประวัติศาสตร์มาช้านาน ซึ่งสามรารถย้อนไปถึงสมัยราชวงศ์ฉิง และราชวงศ์ฮั่น การแลกเปลี่ยนในด้านต่างๆ ที่มีมาช้านานนั้นได้เพิ่มความเข้าใจระหว่างประชาชนจีนกับต่างประเทศให้มากขึ้น และทำให้คลังทรัพย์สินทางวัตถุและทรัพย์สินทางปัญญาของมวลมนุษยชาติมีความหลากหลายยิ่งขึ้น

นายจจัง เชียน นักการทูตสมัยราชวงศ์ฮั่นเคยเดินทางไปดินแดนตะวันตก ดินแดนที่อยู่ทางทิศตะวันตกของจีนสองครั้ง เพื่อบุกเบิกเส้นทางสายไหมที่เลื่องชื่อลือนามทั่วโลก หนังสือประวัติศาสตร์ของจีนมีการบันทึกไว้ว่า นายจัง เชียน เป็นบุคคลแรกในการบุกเบิกเส้นทางสายไหม ทำให้เริ่มมีการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมระหว่างดินแดนตะวันตกกับตะวันออก

จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของจีน ชาวจีนโบราณเป็นผู้คิดค้นเทคนิคในการทอผ้าไหม ซึ่งรวมทั้งเทคนิคการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม สาวไหม และทอผ้าไหม การทอผ้าไหมในจีนมีประวัติกว่า 5,000 ปีแล้ว

 

ช่วงปลายยุคหินใหม่ ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในลุ่มแม่น้ำหวงเหอ และแม่น้ำแยงซีเจียง ได้เรียนรู้เทคนิคการทอไหม และผ้าเจียน (juan) ผ้าเจียนคล้ายผ้าไหมปัจจุบัน แต่บางกว่า

จีนมีตำนานเรื่องผ้าไหมหลายเรื่อง มีเรื่องหนึ่งเล่าว่า เมื่อ 4,000 กว่าปีก่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง จักรพรรดิหวงตี้ ผู้ได้รับพระราชสมัญญานามว่า บิดาแห่งประชาชาติจีน จัดงานเฉลิมฉลองชัยชนะการสู้รบกับชนเผ่าอื่น ระหว่างงาน มีเทพธิดาองค์หนึ่งเหาะลงมาจากฟ้า มือข้างหนึ่งกำเส้นไหมสีเหลือง และอีกข้างหนึ่งกำเส้นไหมสีเงิน เทพธิดามอบเส้นไหมเหล่านั้นให้แก่จักรพรรดิหวงตี้ จักรพรรดิหวงตี้รู้สึกดีพระราชหฤทัยมาก รีบรับสั่งให้ช่างทอเส้นไหมเหล่านั้นเป็นผ้าเจียน (juan) ต่อมา เทพธิดาองค์นี้ได้รับสมัญญาว่า เทพธิดาไหม ตำนานอีกเรื่องหนึ่งเล่าว่า นางสนมของจักรพรรดิหวงตี้คนหนึ่งเป็นผู้ค้นพบวิธีการสาวเส้นไหมจากรังไหม และสอนวิธีการสาวไหมให้แก่ชาวบ้านทั่วไป หลังจากนั้น เทคนิคการเลี้ยงไหม และการทอผ้าไหมจึงแพร่ออกไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจีน

ครั้นถึงสมัยราชวงศ์ฮั่น (ช่วงปี 206 ก่อนคริสต์ศักราช – ปีค.ศ. 220 ) อุตสาหกรรมทอผ้าไหมมีความก้าวหน้าอย่างมาก เล่ากันว่า ทุกครั้งที่จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นทรงลงพื้นที่ พระองค์จะนำผ้าไหมจำนวน 1 ล้านผี่ (ผี่เป็นหน่วยวัดความยาวผ้าไหม 1ผี่เท่ากับผ้าไหมกว้าง 1 เมตร ยาว 23 เมตร )ลงพื้นที่ด้วย เพื่อพระราชทานผ้าไหมเหล่านี้ให้แก่ข้าราชการที่มีผลงานดีเด่นในพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมทอผ้าไหมในสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้มีความเจริญรุ่งเรืองมากแล้ว เมื่อปี 1972 มีการขุดพบโบราณวัตถุจำนวนหนึ่งจากสุสานแห่งหนึ่งในสมัยราชวงศ์ฮั่นที่เขตหม่าหวงตุย ในเมืองฉางซา ภายในสุสาน มีโบราณวัตถุที่ทำจากผ้าไหมกว่า 100 ชิ้น มีเสื้อที่ทำจากผ้าไหมตัวหนึ่งยาว 1.28 เมตร น้ำหนักเพียง 49 กรัมเท่านั้น มีผ้าไหมอีกผืนหนึ่งยาว 4.5 เมตร น้ำหนักเพียง 2.8 กรัมเท่านั้น ฝีมือถักทอผ้าไหมประณีตมาก จนนักโบราณคดีที่ขุดพบโบราณวัตถุเหล่านี้รู้สึกน่าทึ่งมาก

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040