กรุงเทพฯ – งานเสวนารำลึก 95 ปีการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน จัดขึ้นที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 โดยมีบุคลากรในแวดวงต่างๆทั้งชาวไทยและชาวจีนเข้าร่วม อาทิ นายเฉินเจียง อุปทูตฝ่ายวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย, นายฉิน อวี้เซิน ที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรมของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน , นายพินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทยจีนและส่งเสริมความสัมพันธ์, รศ. ดร.นิยม รัฐอมฤต คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ และนายวันชัย วงศ์มีชัย นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเข้าร่วมงาน
นายพินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทยจีนและส่งเสริมความสัมพันธ์กล่าวถึงการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าเป็นหนึ่งในเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่บนหน้าประวัติศาสตร์ โดยการประชุมครั้งแรกของพรรคฯเกิดขึ้นบนเรือที่ซร่างไห่เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1921 เวลาผ่านไปพรรคฯยังคงยืดหยัดอุดมการณ์ที่จะทำเพื่อชาติและประชาชนมาโดยตลอด สมัยก่อนหลายชาติรวมถึงไทยมีความคิดว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นอันตรายกับประเทศของตน เนื่องจากการรับข่าวสารและข้อมูลไม่ครบทุกมุม มาถึงยุคปัจจุบันพวกเราควรใช้วิธีวิพากษ์วิธีมองย้อนประวัติศาสตร์เพื่อความเข้าใจในข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและรอบด้าน
นายวันชัย วงศ์มีชัย นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเปิดเผยว่าตนมีความคุ้นเคยกับประเทศจีนแง่วัฒนธรรมเป็นส่วนใหญ่ เพราะชอบอ่านหนังสือนิยายจีนย้อนยุค ซึ่งชนชั้นปกครองในสมัยก่อนก็มีการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจ มีการสร้างปรากฏการณ์การต่อสู้จากรุ่นสู่รุ่น มาถึงยุคนี้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงประกาศต้องควบคุมคอรัปชั่นให้ได้เนื่องจากคอรัปชั่นเป็นภัยที่สำคัญที่สุดของประเทศจีน สำหรับในแง่ประวัติศาสตร์และสื่อมวลชนไทย จะเห็นได้ว่านักข่าวไทยไม่ได้เชื่อถือข้อมูลจากภายนอกที่ได้ยินได้ฟังมา แต่ได้ทำการไปพิสูจน์และเห็นด้วยตาของตนเองแม้จะยากลำบากเพียงใด ตัวอย่างเช่น กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพาที่สุดท้ายต้องลี้ภัยไปยังประเทศจีนและถึงแก่กรรมนอกบ้านเกิดเมืองนอน
ด้านรศ. ดร.นิยม รัฐอมฤต คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาศตร์ในนามของนักวิชาการซึ่งไม่เคยร่วมงานพรรคคอมมิวนิสต์มาก่อนได้ร่วมบรรยายความคิดเห็นว่าการเมืองจีนในช่วง 30-40 ปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากวงวิชาการเป็นอย่างมากเนื่องจากความสำเร็จของรัฐบาลจีน และในวงการวิชาการไทยก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าพื้นฐานไทยจะคุ้นกับการปกครองแบบตะวันตกซึ่งมีความตรงกันข้ามกับการปกครองของจีนหลายอย่าง อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการใช้ตัวแบบการปกครองแบบตะวันตกไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการเสมอไป การปกครองแบบหนึ่งๆก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป อย่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนเน้นให้ความรู้อบรม อัดฉีดแนวทางความคิดเห็นที่พรรคต้องการ เมื่อจัดการประชุมก็มีตัวแทนที่มีความหลากหลาย เช่น กำหนดจำนวนเพศ อายุ อาชีพ เพื่อเป็นตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ การกำหนดแบบนี้แตกต่างจากประเทศไทยซึ่งประชุมทีไรก็จะมีแต่นักธุรกิจเป็นหลัก
นายเฉินเจียง อุปทูตฝ่ายวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยกล่าวในช่วงปิดงานเสวนาว่านี่เป็นครั้งแรกที่จัดงานเสวนาแบบนี้ขึ้นที่ประเทศไทย ถือเป็นเรื่องดีที่ได้ทราบว่าผู้อื่นมองประเทศจีนอย่างไร กิจกรรมนี้มีประโยชน์เพราะทำให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆ และทำให้เรามีความรู้ ความเข้าใจกันและกันมากขึ้น
เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿
