เชื่อว่าคุณผู้ฟังที่มีลูกแล้วต่างมีความคิดแบบนี้ คือขอแค่ลูกคลอดออกมามีสุขภาพแข็งแรงและเติบโตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาต้องส่งลูกเข้าเรียน และเห็นบรรดาเพื่อนในชั้นเรียนลูกต่างพากันไปเรียนพิเศษ รู้จักคำศัพท์และนับเลขเป็น ดูฉลาดมาก แต่ลูกตนเองอยู่ที่บ้านยังไม่รู้อะไรเลย ทำให้ความคิดตอนแรกเริ่มลืมเลือนไป...

เกิดความคิดที่ว่า ควรจะส่งลูกไปเรียนบ้างดีกว่าแม้จะเป็นเรื่องที่ต้องเสียเงินไม่น้อย ซึ่งพ่อแม่จีนหลายคนมีความรู้สึกว่า แค่ประหยัดค่าใช้จ่ายก็จะได้ค่าเรียนของลูกแล้ว จะให้ลูกแพ้ที่จุดสตาร์ทไม่ได้ เพราะเมื่อลูกโตขึ้นแล้วอาจจะตำหนิได้ว่าเป็นพ่อแม่ที่บกพร่องในหน้าที่

แต่ก็ยังลังเลกับความคิดเริ่มต้นที่อยากให้ลูกมีความสุขในวัยเด็ก ไม่อยากจะให้ลูกเจอแรงกดดันในการเรียนหนังสือตั้งแต่ตอนอายุน้อย นอกจากนี้ สถาบันการเรียนการสอนสำหรับเด็กเล็กก็มีคุณภาพการอบรมสั่งสอนที่ต่างกัน

เพราะฉะนั้น จะพาไปเรียนตามสถาบันเด็กเล็กดีหรือไม่ เชื่อว่าเป็นปัญหาหนักอกของผู้ปกครองหลายท่าน

ความคิดเห็นของผู้ที่สนับสนุนให้พาไปเรียนในสถาบันสำหรับเด็กเล็ก คือ เห็นว่าจะช่วยยกระดับการพัฒนาทางสติปัญญาของลูกให้สูงขึ้น ช่วยฝึกทักษะทางสังคม และได้ความรู้ต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยฝึกความเคยชินที่ดีให้กับลูก และวิธีการเลี้ยงลูกให้กับผู้ปกครอง

ส่วนความคิดของฝ่ายที่ไม่สนับสนุน เนื่องจากเห็นว่าค่าเรียนในสถาบันสำหรับเด็กเล็กเหล่านี้แพงเกินเหตุ ควรให้ลูกมีความสุขในวัยเด็กมากกว่า ในอดีตไม่มีสถาบันเหล่านี้ ทุกคนก็เติบโตได้ดี หลังจากเข้าเรียนในโรงเรียนประถมแล้วก็สามารถได้ความรู้ต่างๆ ความคิดของผู้ใหญ่จะจำกัดเด็ก ควรอยู่บ้านดีกว่า ได้สอนกันแบบตัวต่อตัวด้วย เพราะลูกจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้ใหญ่ในบ้านทั้งหมด

ไม่ทราบว่าคุณผู้ฟังฟังถึงตรงนี้ เห็นด้วยกับความคิดไหนบ้าง แต่ก่อนที่เราจะคุยกันว่า ควรส่งบุตรหลานไปเข้ารับการอบรมตามสถาบันเด็กเล็กเหล่านี้หรือไม่นั้น มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าอะไรคือการศึกษาปฐมวัย และมีความสำคัญมากแค่ไหน

1.การศึกษาปฐมวัยมีผลดีต่อการพัฒนาการศึกษาในอนาคต

ตามทฤษฏีของสมองประสาทวิทยาศาสตร์ ไซแนปส์หรือจุดประสานประสาท เป็นส่วนสำคัญของการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท ยิ่งไซแนปส์มีช่องทางติดต่อถ่ายทอดมากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อปฏิกิริยาการทำงานที่สลับซับซ้อนของสมอง ซึ่งสมองของเด็กทารกที่เพิ่งคลอดมีไซแนปส์ทั้งหมด 5,000 ล้านไซแนปส์ พอเด็กอายุ 1 ขวบจะมีจำนวนไซแนปส์เพิ่มขึ้น 20 เท่า ส่วนเด็กอายุ 3 ขวบจะมีจำนวนไซแนปส์ประมาณ 2 เท่าของผู้ใหญ่ หลังจากนั้น จำนวนไซแนปส์จะลดลงอย่างต่อเนื่อง จนถึงอายุ 14 ขวบ จำนวนไซแนปส์ของเด็กจะเท่าๆ กับผู้ใหญ่

Yim/kt