การกำหนดแผนเป็นเรื่องสืบทอดมาตั้งแต่โบราณกาล และกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสมัยปัจจุบัน เมื่อปี 2015 ออสเตรเลียเคยทำการสำรวจและพบว่า ในบรรดาเป้าหมายปีใหม่ เป้าหมายทางสุขภาพและการออกกำลังกายอยู่อันดับหนึ่ง ครองสัดส่วน 58% อันดับสองคือ พยายามให้ร่ำรวยยิ่งขึ้น รองลงมาคือ ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง อาชีพ และการท่องเที่ยว

เมื่อเร็วๆ นี้ สถาบันศึกษาสมอง (Statistic Brain Research Institutes) ทำการศึกษาและพบว่า แผนปีใหม่ของปี 2017 ส่วนใหญ่มีเนื้อหาดังต่อไปนี้

1. เป้าหมายการยกระดับความสามารถและการศึกษา ครองสัดส่วน 44% เช่น ให้ความสำคัญกับสุขภาพ เลิกสูบบุหรี่ แก้ความเคยชินที่ไม่ดี เลิกกินจุกจิก เลิกกินเหล้า เรียนภาษาต่างประเทศ เรียนเล่นเครื่องดนตรี ยกระดับผลการสอบ อ่านหนังสือให้มากขึ้น เข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้น มีท่าทีทางบวกต่อชีวิต บริหารเวลาให้ดีขึ้น ดูละครให้น้อยลง เลิกเสียเวลา พยายามทำงานมากขึ้น ไปท่องเที่ยว เข้าร่วมกิจการกุศลมากขึ้น ลดเวลาการเล่นอินเตอร์เน็ต เป็นต้น

2. เป้าหมายทางการเงิน เช่น ชำระหนี้ เก็บเงินมากขึ้น ทำการลงทุนขนาดเล็ก เป็นต้น

3. เป้าหมายการควบคุมน้ำหนัก เช่น ประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ลดความอ้วน เพิ่มกล้ามเนื้อ กินอาหารขยะให้น้อยลง

4. เป้าหมายด้านความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เช่น คบเพื่อนใหม่ ส่งเสริมความปรองดองในครอบครัว ส่งเสริมมิตรภาพกับเพื่อนๆ ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวมากขึ้น หาแฟนให้ได้ แต่งงาน คลอดลูก เป็นต้น

แต่ไม่ใช่ทุกคนทำตามแผนและบรรลุเป้าหมายได้ สหรัฐฯ เคยทำการสำรวจพบว่า คนที่กำหนดแผน 28% จะละทิ้งเป้าหมายภายในสัปดาห์เดียว ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นถึง 32% หลังจากสองสัปดาห์ และเพิ่มขึ้นถึง 42% หลังจากหนึ่งเดือน และ 56% หลังจากครึ่งปี เมื่อวันที่ 1 มกราคมปีนี้ สถาบันศึกษาสมองได้ทำสำรวจ 1,273 คน มีเพียง 9.2% บรรลุเป้าหมายของปีที่แล้ว