เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ งานเวิลด์ เอ็กซ์โป เซี่ยงไฮ้ ปี 2010 เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีหัวข้อหลักว่า "เมืองที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ดียิ่งขึ้น" ซึ่งก็เป็นประเด็นสำคัญในการแข่งขันภาษาจีนในหมู่นักศึกษาต่างชาติทั่วโลกครั้งที่ 9 ด้วย ในการแข่งขันรอบคัดเลือกเขตวอชิงตันของสหรัฐฯ นักศึกษาอเมริกันต่างก็เล่าประสบการณ์ของตนในเมืองจีนอย่างสนุกสนาน พวกเขาส่วนใหญ่เคยไปเรียนหรือเที่ยวเมืองจีน การสัมผัสกับชีวิตในเมืองต่างๆของจีน ทำให้พวกเขารู้จักและเข้าใจเมืองจีนอย่างแท้จริง และมีความประทับใจอย่างลึกซึ้ง
นักศึกษามหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตันคนหนึ่งชื่อจีนว่า ต้ายหยุ่งข่าย เขาเคยมาเรียนที่เมืองต้าเหลียนของจีนเป็นเวลา 2 ปี ช่วงนั้น เขาต้องนั่งแท๊กซี่ไปมหาวิทยาลัยทุกวัน จึงคุยกับคนขับรถแท๊กซี่บ่อยๆ และได้รับรู้สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนในท้องถิ่นนั้นมากมาย ในการแข่งขันภาษาจีนครั้งนี้ หัวข้อปราศรัยของเขาก็คือ "คุยกับคนขับรถแท๊กซี่เมืองต้าเหลียน" ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องสนุกสนานของเขากับคนขับรถ ทำให้ชาวอเมริกันและผู้คนในประเทศต่างๆรู้จักนิสัยอันโอบอ้อมอารีของคนจีน
ต้ายหยุ่งข่ายเล่าว่า "ผมต้องขอขอบคุณคนขับแท็กซี่ในเมืองต้าเหลียน เพราะว่าพวกเขาสร้างความประทับใจแก่ผมอย่างลึกซึ้ง ช่วงนั้น ผมนั่งแท็กซี่ทุกวัน วันละประมาณ 20 นาที ผมได้เรียนรู้จากคนขับมากมาย รวมถึงความเคยชิน ประเพณี และภาษาท้องถิ่นของจีน บางทีเราคุยกันสนุกมากจนหัวเราะกันยิ่งใหญ่ บางทีเราก็ถกเถียงกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ผมรู้สึกมีความสุขตลอด คนขับแต่ละคนมีนิสัยแตกต่างกัน บางคนไม่เก็บเงินเพราะมองว่าผมเป็นลูกค้าต่างชาติ บางคนขอเรียนภาษาอังกฤษกับผม บางคนสอนให้ผมร้องเพลงจีน น่ารักมาก ทุกเวลาที่ผมนั่งแท๊กซี่ในเมืองจีน ผมก็มีความสนุกสนานกับการเดินทางตลอด"
โจว เกินเซิง เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในมลรัฐยูทาห์ เรียนด้านสังคมศาสตร์ มีความสนใจสภาพสังคมจีนอย่างมาก โดยเฉพาะชีวิตครอบครัว เขาเคยมาเรียนในเมืองจีนเหมือนกัน ในระหว่างการเรียนในจีน เขาพบว่า วิธีการสั่งสอนเด็กของชาวจีนแตกต่างจากสหรัฐฯอย่างมาก วิธีการศึกษาของสองประเทศต่างก็มีข้อดีกับข้อเสีย ควรมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
เขาเล่าว่า "ในอเมริกา 10 โมงเช้าวันเสาร์ เด็กๆถ้าไม่นอนอยู่บ้านก็ออกไปเที่ยวข้างนอกแล้ว แต่เด็กจีนที่อยู่ในเมืองจะต้องฝึกเล่นเปียโน ไวโอลิน หรืออ่านหนังสือ ผมคิดว่า ในอนาคต จีนกับอเมริกาควรจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการจัดการศึกษาซึ่งกันและกัน พ่อแม่อเมริกันควรคาดหวังกับลูกให้สูงขึ้น และใช้วิธีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวดกว่าเดิม ส่วนพ่อแม่ชาวจีนควรลดความกดดันเด็กๆให้น้อยลง ช่วยสร้างความมั่นใจและพัฒนาความสามารถโดยความสมัครใจของลูกให้มากยิ่งขึ้น"
นางสาวซารา ตรินเคอร์ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดลาแวร์เคยเรียนที่กรุงปักกิ่ง เธอชอบชีวิตการเรียนในปักกิ่งเป็นพิเศษ เพราะนอกจากศึกษาความรู้ที่น่าสนใจแล้ว เธอยังได้ประสบการณ์อีกมากมายที่หายากในอเมริกา เช่น การต่อราคาด้วยภาษาจีนนั้น ก็เป็นเรื่องสนุกสำหรับชาวต่างชาติอย่างซารา
เธอเล่าว่า "นักศึกษาอเมริกาส่วนใหญ่ต่อราคาไม่ค่อยเป็น เพราะว่าในบ้านเกิดเรา ตลาดที่ต่อราคาได้หายาก เราจึงมีประสบการณ์ด้านนี้น้อยมาก แต่ไปเมืองจีนแล้วคนส่วนใหญ่ต่อราคาเก่ง คุยกันสนุกสนานและยังได้ของในราคาถูก เป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ ฉันก็มีเพื่อนที่ต่อราคาเก่งหลายคน พวกเขามองว่า เราสนใจเรื่องนี้ก็เลยสอนให้ชาวต่างชาติต่อราคาด้วยภาษาจีน ช่วงแรกเราพูดได้น้อย แต่เพื่อนๆสอนเก่ง ไม่นานเราก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อราคาในหมู่นักศึกษาอเมริกันแล้ว บางทียังสอนชาวต่างชาติคนอื่นได้ ฉันยังสรุปให้เพื่อนฟังว่า เวลาเจ้าของร้านขายของให้เรา ให้สังเกตสีหน้าและอารมณ์ของเขาหน่อย ถ้าดูท่าไม่ดีใจมาก เราก็อาจได้ของคุ้มราคาแล้ว "
นับวันชาวต่างชาติเข้าใจเมืองจีนมากยิ่งขึ้น สิ่งที่พวกเขาได้เห็นไม่เพียงแต่เป็นสภาพชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองใหญ่ๆเช่นกรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ของจีนเท่านั้น ในการแข่งขันภาษาจีนครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมบางคนบอกว่า ประสบการณ์ในเมืองเล็กๆของจีนก็สร้างความประทับใจแก่พวกเขาอย่างมาก
นายซ่าย หมิง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในมลรัฐเซาส์ คาโรไลนา เคยไปเรียนที่เมืองจีนเมื่อปี 2009 ช่วงนั้นเขาได้เที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆในจีนหลายแห่ง และสถานที่ที่สร้างความประทับใจแก่เขามากที่สุดคือ เมืองซื่อเหว่ย ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ทางภาคเหนือของจีนที่ติดกับรัสเซีย ในเมืองซื่อเหว่ย เขาได้ความเข้าใจใหม่กับคำว่า "วัฒนธรรมจีน" ซึ่งชาวต่างชาติต้องเจอบ่อยๆ
เขาเล่าว่า "ประชาชนในเมืองซื่อเหว่ยส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายรัสเซียและมองโกเลีย พวกเขารักวัฒนธรรมและภาษาของเขา ในช่วง 3 วันที่ผมอยู่ในเมืองนี้ ผมได้เข้าใจว่า วัฒนธรรมจีนไม่เพียงแต่หมายถึงภาษาจีน วัฒนธรรมชนเผ่าฮั่น หรือวัฒนธรรมภาคเหนือ หากเป็นวัฒนธรรมที่มีความหมายกว้างใหญ่ ครอบคลุมถึงท้องที่ต่างๆทั่วประเทศจีน และวัฒนธรรมของบรรดาหลายเผ่าพันธุ์ในจีน"
นักศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขันภาษาจีนครั้งนี้ ได้แสดงความรักและความปรารถนาดีต่อวัฒนธรรมจีน โดยผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวที่สนุกสนานเพื่อนำเสนอประสบการณ์ของพวกเขาในเมืองจีน
นางสาวทิฟฟานี ยูน นักศึกษาอเมริกันเชื่อสายเกาหลีจากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตันก็เคยไปท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆของจีนหลายแห่งในช่วงศึกษาอยู่ในจีน ชีวิตในจีนทำให้เธอได้รับประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมได้ตลอดชีวิต
เธอเล่าว่า "อาหารจีนที่ฉันชอบมีเยอะเหลือเกิน ฉันชอบบะหมี่เนื้อ ปลานึ่ง เป็ดย่างปักกิ่ง ซาละเปาเซี่ยงไฮ้ ซาละเปาเนื้อจามรีที่ลี่เจียง ฉันยังอยากไปกินชานมไข่มุกที่ไต้หวัน ไปกินอาหารเช้าที่ฮ่องกง จีนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่ละท้องถิ่นต่างมีลักษณะพิเศษ ประสบการณ์และชีวิตอันมีสีสันหลากหลายเป็นความทรงจำอันสวยงามที่สุดของฉัน เพื่อนๆที่ฉันรู้จักในจีนเป็นผู้คนที่ไม่มีวันลืมได้ตลอดชีวิต สถานที่ต่างๆที่เคยไป อาหารที่เคยทาน สิ่งของต่างๆที่ได้เห็นในจีนล้วนเป็นความสุขที่ฉันได้รับ สิ่งที่ฉันรู้สึกเสียดายคือ พ่อแม่ฉันไม่ได้อยู่ด้วยในช่วงที่ฉันเรียนที่เมืองจีน ต่อไปในอนาคต ถ้าฉันมีลูก ฉันจะพยายามส่งลูกไปอยู่เมืองจีน เรียนภาษาจีน เติบโตในจีน"