2017-05-05 17:32CRI
ใครๆ ก็ว่า "เด็กเป็นอนาคตของชาติ" แม้ปัจจุบันนี้ รัฐบาลให้การสนับสนุนด้านการศึกษามากขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังมีเด็กส่วนหนึ่งขาดโอกาสเข้าถึงการเรียน หรือขาดอุปกรณ์การเรียน โดยเฉพาะในเขตยากจน หรือเขตแดนไกล ดังนั้น นอกจากรัฐบาลแล้ว ยังต้องการสังคมทุ่มเทความรัก และให้ความช่วยเหลือ หรือเอาใจใส่ ซึ่งชาว CRI ก็ได้มีส่วนร่วมในการนี้ต่อเนื่องกันเป็นเวลากว่า 10 ปี
ย้อนหลังไปเดือนมีนาคมปี 2005 ขณะที่ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอไปสื่อข่าวที่อำเภอผานเซี่ยน มณฑลกุ้ยโจวอยู่นั้น มีความประทับใจต่อเด็กๆ ที่แม้จะใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ยังขยันเรียนหนังสือและศึกษาหาความรู้ จึงเริ่มต้นกิจกรรมรณรงค์ชาวชาว CRI บริจาคเงิน หรือสิ่งของช่วยเด็กยากจนจำนวน 10 คน และเพื่อให้กิจกรรมนี้โตขึ้นและให้เด็กจำนวนมากขึ้นได้รับการช่วยเหลือ ในปีถัดไป คือ สิ้นเดือนพฤษภาคมก่อนวันเด็กสากล ปี 2006 ชาว CRI ได้เชิญเด็กที่ได้รับความช่วยเหลือ 10 คนนี้มาเยือนกรุงปักกิ่ง ตั้งแต่นั้นมา กิจกรรม "จับมือช่วยเด็กยากจนด้วยคลื่นวิทยุ" ที่ให้ความช่วยเหลือแบบตัวต่อตัวก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีเด็กยากจนจำนวนกว่า 60 คนได้รับมอบความรักจากชาว CRI จนสำเร็จการศึกษาภาคบังคับเข้าสู่มหาวิทยาลัย หรือเข้าสู่สังคม
เมื่อวันที่ 15-16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตัวแทนชาว CRI ได้เดินทางถึงอำเภอผ่านเซี่ยนอีกครั้ง โดยถือโอกาสไปสื่อข่าวที่อำเภอนี้แวะไปเยี่ยมเด็กๆ ในโรงเรียนหลายแห่ง ทั้งโรงเรียนมัธยมปลายและโรงเรียนประถมในความร่วมมือของ CRI ด้วย แต่ละปี ชาว CRI ต่างจะหาโอกาสไปมอบเงินบริจาคและอุปกรณ์การเรียนการสอน รวมทั้งคอมมิวเตอร์ ให้กับเด็กและโรงเรียนด้วยตนเอง ส่วนผู้ดูแลเรื่องนี้สามารถเรียกชื่อของเด็กที่ได้รับการช่วยเหลือได้ทุกคน เพราะนอกจากได้พบกันปีละครั้งแล้ว ตามปกติ ชาว CRI ยังคอยสื่อสารกับเด็กเหล่านี้ในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อแลกเปลี่ยนการดำรงชีวิตและการเรียนของเด็ก ให้กำลังใจเด็กขยันเรียนหนังสือ เพื่อให้ความฝันของพวกเขากลายเป็นความจริง
10 ปีผ่านไป เด็กๆ ที่ได้รับการบริจาคในช่วงเริ่มต้น ขณะนี้ บางคนกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย บางคนได้เข้าสู่สังคม สามารถที่จะเลี้ยงชีพด้วยหยาดเหงื่อของตนเองได้แล้ว
ที่โรงเรียนมัธยมที่ 2 อำเภอผานเซี่ยน มีนักเรียน 17 คนที่ได้รับการช่วยเหลือจากชาว CRI และกำลังเตรียมสอบเอ็นทรานซ์ในปีหน้า เด็กเหล่านี้ต่างเป็นเด็กขยัน และกตัญญู พวกเขาต่างแสดงความมุ่งมั่นว่า การได้รับความช่วยเหลือจากชาว CRI ทำให้ตนเองได้รับความรักและความอบอุ่น ต่อไปในอนาคต ตนเองก็จะส่งต่อให้ความช่วยเหลือให้กับคนอื่นเช่นกัน
ที่โรงเรียนประถมอีกสองแห่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ห่างไกลจากตัวเมือง ชาว CRI ได้นำลูกอม ของเล่น อุปกรณ์กีฬา และหนังสือไปแจกให้เด็กๆ ทั้งหลาย และร่วมเล่นเกมส์ เด็กๆ พากันดีอกดีใจ และส่งเสียงหัวเราะอย่างเบิกบานใจ ราวกับกำลังฉลองเทศกาลสำคัญ ดิฉันคิดในใจว่า ความสุขที่ได้มาในวันนั้น คงไม่มีวันลบลืมไปได้ เมื่อมองดวงตาของเด็กๆ ที่ไร้เดียงสา และได้ยินเสียงหัวเราะที่เบิกบานใจ ก็คิดในใจว่า อยากจะช่วยเด็กหญิงสักคนหนึ่ง เพราะในพื้นที่ห่างไกล เด็กผู้หญิงอาจจะได้รับโอกาสน้อยกว่าเด็กผู้ชาย ทั้งที่ความจริงแล้ว หากเรามองไปที่สถาบันหลักของมนุษย์อย่างครอบครัว เด็กหญิงที่วันหนึ่งจะเติบโตเป็นแม่คน ย่อมจะมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าผู้เป็นพ่อ ...หยดน้ำเล็กๆ แต่ถ้ารวมกันมากเข้าก็กลายเป็นทะเลที่มีกำลังมหาศาลได้ ไม่ใช่หรือ