เมื่อเร็วๆ นี้ ฟอรัมเศรษฐกิจโลก ประกาศผลการสำรวจล่าสุดฉบับหนึ่ง ระบุว่า ชาวโลกส่วนใหญ่เห็นด้วยกับระบบการค้าพหุภาคี โดยหวังเพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ และคัดค้านการกระทำที่ทำลายประโยชน์ของประเทศอื่นเพื่อประเทศตนเอง ในกระบวนการที่นานาชาติกันร่วมแก้ไขอุปสรรคที่เกิดขึ้นในกระแสโลกาภิวัตยุคปัจจุบัน  นักวิชาการจีนและต่างชาติมีความประทับใจสุนทรพจน์ของนายสี จิ้นผิง  ประธานาธิบดีจีน ในพิธีเปิดการประชุมประจำปี 2017 ของฟอรัมเศรษฐกิจโลก โดยนายซิลเวสเตอร์ ซาฟาร์ซ อดีตกงสุลใหญ่โปแลนด์ ประจำนครเซี่ยงไฮ้ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีน มองว่า จีนไม่เพียงแต่เป็นชาติที่รักษาเสถียรภาพและความสมดุลในการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกเท่านั้น  หากยังทำให้โลกมีส่วนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาที่รวดเร็วของจีน  ผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศ ข้อริเริ่ม “1 แถบ 1 เส้นทาง” ตลอดจนกลไกความร่วมมือ “16+1” ระหว่างจีน ประเทศยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก

ด้านศ.ดร.สีว์ หงไฉ รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ศูนย์การแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีน ระบุขณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจีนได้ปรับบรรยากาศการทำธุรกิจให้ดีขึ้น  ซึ่งได้รับการชื่นชมจากประชาคมโลก

“เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว จีนได้แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีรายการข้อห้ามสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ต่อมาในช่วงปลายปีได้ประกาศบัญชีรายการสำหรับการเข้าตลาดฉบับปี 2018 อีกทั้งมีแผนเดินหน้ารูปแบบการบริหารจัดการด้วยบัญชีรายการฉบับเดียวทั่วประเทศในเดือนมีนาคม ปี 2019 ซึ่งจะเป็นการปฏิบัติต่อทุนในประเทศ ทุนต่างประเทศ ทุนของรัฐ และทุนภาคเอกชนอย่างเสมอภาคเท่าเทียม อีกทั้งยังทำให้เกิดการแข่งกันอย่างเป็นธรรม ส่วนรายงานดัชนีการทำธุรกิจของธนาคารโลก ยังได้ชื่นชมจีนที่ได้ปรับปรุงบรรยากาศการทำธุรกิจให้ดีขึ้น”

ปี 2018 มาตรการเปิดเสรีและเพิ่มการนำเข้าของจีนยังได้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งต่อโลกเช่นกัน โดยจีนได้จัดงานมหกรรมการนำเข้าส่งออกระหว่างประเทศครั้งแรกด้วยความสำเร็จ แสดงความจริงใจที่จะเป็นหุ้นส่วนกับนานาชาติ โดยสถิติระบุว่า ยอดการนำเข้าส่งออกของจีนในปี 2018 มีมากถึง 4.62 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์ โดยยอดการนำเข้ามีมากกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก และยอดการส่งออกมีราว 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้อัตราการเกินดุลการค้าของจีนลดลง 16.2%

นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เคยย้ำหลายครั้งว่า “ประตูแห่งการเปิดเสรีของจีนจะไม่มีวันปิด หากแต่นับวันจะยิ่งเปิดกว้างขึ้น” ทั้งนี้ นายสตีเฟน เพอร์รี ประธานสโมสรกลุ่ม 48 ระบุว่า การปฏิรูป เปิดเสรี ตลอดจนข้อริเริ่ม “1 แถบ 1 เส้นทาง” ของจีนจะอำนวยโอกาสการพัฒนาแก่ทั่วโลก

ปี 2019 จีนจะเดินหน้าการเปิดเสรีทุกระดับต่อไป โดยดร.เจ้า จิ้นผิง อดีตผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจต่างประเทศ ศูนย์วิจัยการพัฒนาแห่งคณะรัฐมนตรีจีน วิเคราะห์ว่า การเปิดเสรีอีกขั้นในด้านที่สำคัญ เช่น ภาคบริการของจีน จะสร้างโอกาสการลงทุนสำหรับบรรษัทข้ามชาติมากขึ้น ตลอดจนทุกประเทศทั่วโลกล้วนสามารถได้รับประโยชน์จากการพัฒนาของจีนได้

(TIM/LING/CAI)