2019-02-18 13:50CRI
ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน และสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีนประจำปี 2014 นายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้พบกับคณะผู้แทนจากมณฑลกุ้ยโจวที่เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมสองสภาที่ กรุงปักกิ่ง โดยนายสี จิ้นผิงได้มอบนโยบายให้กับคณะผู้แทนของมณฑลกุ้ยโจวว่า มณฑลกุ้ยโจวจะต้องมีนวัตกรรมทางแนวความคิดเกี่ยวกับการพัฒนาด้านต่างๆ ในพื้นที่ ต้องจัดการความสัมพันธ์ระหว่างการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกับการพัฒนาในพื้นที่ให้ดี มุ่งแก้ไขปัญหาความยากจน ทำให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยได้รับประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
นับแต่นั้นมา มณฑลกุ้ยโจวได้ยึดมั่นในนโยบายที่นายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้มอบให้ มุ่งมั่นในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและเร่งพัฒนาด้านต่างๆ ในพื้นที่ เพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน พร้อมทั้งเร่งพัฒนามณฑลกุ้ยโจวให้เป็นพื้นที่สวยงามทางระบบนิเวศ
ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หลังเทศกาลตรุษจีนทุกปี อาสาสมัครจำนวนประมาณ 186,000 คนก็จะเดินทางไปปลูกต้นไม้ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วมณฑล เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่า จนถึงขณะนี้ต้นไม้ที่ปลูกใหม่เพิ่มขึ้นถึง 1.3 ล้านต้น
นางหลี ผิง อธิบดีกรมป่าไม้ มณฑลกุ้ยโจวกล่าวว่า เราได้ปฏิบัติตามแนวทางที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมอบให้กับมณฑลกุ้ยโจว โดยมุ่งมั่นในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้พื้นที่ป่าไม้เพิ่มขึ้นปีละ 1.5%-2%
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ปี 2014 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวกับคณะผู้แทนของมณฑลกุ้ยโจวที่กำลังเข้าร่วมการประชุมสองสภา ที่กรุงปักกิ่งว่า การอนุรักษ์ระบบนิเวศก็เท่ากับเป็นการคุ้มครองกำลังการผลิต การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น ก็เท่ากับเป็นการพัฒนากำลังการผลิตให้เข้มแข็งขึ้น เราต้องให้สภาพแวดล้อมที่มีเขาเขียวน้ำใสเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม จากคำกล่าวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงทำให้มณฑลกุ้ยโจวมีความเข้าใจในการจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาด้านต่างๆ ในพื้นที่มากยิ่งขึ้น
พร้อมๆ กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มณฑลกุ้ยโจวได้เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และธุรกิจบริการด้านสุขภาพและการแพทย์ ปัจจุบัน มูลค่าเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อมของมณฑลนี้คิดเป็นสัดส่วน 40% ของเศรษฐกิจทั้งหมด ช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ มีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเดินทางไปท่องเที่ยวพื้นที่ต่างๆ ของมณฑลกุ้ยโจว เฉพาะหมู่บ้านชนเผ่าปู้อีแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ชานเมืองกุ้ยหยัง เมืองเอกมณฑลกุ้ยโจว ก็มีรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวประมาณ 17 ล้านหยวน
นายฮวา ฉวน ผู้ช่วยกำนันตำบลซินพู่ เมืองกุ้ยหยัง มณฑลกุ้ยโจว กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวถึงแนวทางการพัฒนามณฑลกุ้ยโจวว่า ต้องมุ่งมั่นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชน ในวันข้างหน้า พร้อมๆ กับการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มณฑลกุ้ยโจวยังจะทำโครงการหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้น
ภูมิประเทศมณฑลกุ้ยโจวส่วนใหญ่เป็นเขตเขา บางพื้นที่ทุรกันดาร ส่งผลให้ประชาชนในหลายพื้นที่มีรายได้น้อย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จึงมอบนโยบายให้มณฑลนี้ว่า ต้องเร่งแก้ไขปัญหาความยากจน เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ปัจจุบัน รัฐบาลท้องถิ่นกำลังปฏิบัติตามแนวทางแก้ไขปัญหายากจน แต่สิ่งที่ทำได้ยากที่สุดในการแก้ไขปัญหาคือ โครงการอพยพชาวบ้านจำนวน 1.5 ล้านคนออกจากพื้นที่ทุรกันดาร
ตำบลชนเผ่าหยีซันเป่าเป็นพื้นที่ทุรกันดารมากแห่งหนึ่งในมณฑลกุ้ยโจว ชาวบ้าน 77% ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมีรายได้น้อยมาก พื้นที่แห่งนี้นับเป็นหนึ่งใน 20 ตำบลที่ยากจนที่สุดในมณฑลกุ้ยโจว เมื่อปี 2016 มณฑลกุ้ยโจวเริ่มอพยพชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวไปยังพื้นที่อื่น จนถึงขณะนี้ ประชากร 80% ในหมู่บ้านแห่งนี้ได้อพยพไปยังพื้นที่อื่นเป็นที่เรียบร้อย คาดว่า ส่วนที่เหลือจะสามารถอพยพให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนปีนี้
นายสีว์ หยวนกัง เจ้าหน้าที่ฝ่ายรับผิดชอบโครงการอพยพชาวบ้านฯกล่าวกับสื่อมวลชนว่า การอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ทุรกันดารนั้นเป็นเพียงก้าวแรกในการทำงาน หลังจากนั้น ยังต้องช่วยชาวบ้านเหล่านี้สร้างรายได้ เพื่อให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขณะนี้ พื้นที่ที่รับชาวบ้านอพยพเหล่านี้ได้สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ร้านค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานด้านต่างๆ เป็นที่เรียบร้อย นายหยัง เฉิงเซิน ชาวบ้านผู้อพยพกล่าวกับสื่อมวลชนว่า บ้านพักใหม่ตกแต่งได้ดีมาก เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันมีหมดทุดอย่าง
สื่อมวลชนรายงานว่า จนถึงปลายปีที่แล้ว ประชากร4.68 ล้านคนที่มีรายได้น้อยในมณฑลกุ้ยโจว มีรายได้เพิ่มขึ้นและได้พ้นจากสภาวะยากจน โดยปีนี้มณฑลกุ้ยโจวมีแผนจะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยอีก 1.1 ล้านคน และยังจะอพยพชาวบ้านที่ยังอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารออกจากพื้นที่ทั้งหมด
(bo/cai)