จาง อี้ว์กุ่น---ครูชนบท แบบอย่างแห่งยุคสมัย (1)

2019-07-10 13:13CRI

图片默认标题_fororder_1_副本

ครูผู้หนึ่ง ปักหลักอยู่ในพื้นที่ภูเขากว่า 10 ปี เพื่อสร้างความหวังและอนาคตของเด็กนักเรียนในพื้นที่ภูเขา

ถึงแม้เขาจะมีรายได้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ได้ให้เงินอุปถัมภ์แก่เด็กจำนวนกว่า 300 คนตลอดช่วง 18 ปีที่ผ่านมา

เนื่องจากหมู่บ้านเฮยหู่เมี่ยวเป็นพื้นที่ยากจนมาก ห่างไกลจากความเจริญ จึงแทบไม่มีใครอยากมาเป็นครูในหมู่บ้านแห่งนี้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงฝึกตัวเองให้เป็นครูที่ “สอนได้ทุกวิชา” ทั้งอักษรศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ พลศึกษา จริยธรรมศึกษา ดนตรี และศิลปะ

เขาผู้นี้คือ นายจาง อี้ว์กุ่น (张玉滚, Zhang Yugun) ครูใหญ่โรงเรียนระดับประถมศึกษาเฮยหู่เมี่ยว (黑虎庙小学) ตำบลเกาชิว อำเภอเจิ้นผิง เมืองหนานหยาง มณฑลเหอหนาน

นายจาง อี้ว์กุ่น เกิดในทศวรรษปี 1980 เขาเคยเป็นครูในโรงเรียนประถมเฮยหู่เมี่ยว เคยสอนนักเรียนกว่า 500 คน ในจำนวนนี้ สามารถศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา 16 คน ชาวบ้านในท้องถิ่นจึงนำเกียรติคุณของเขามาแต่งเป็นเพลงเพื่อเล่าขาน สร้างความประทับใจแก่ผู้คนจำนวนมาก

เดือนกันยายนปี 2018 นายจาง อี้ว์กุ่น ได้รับสมญา “แบบอย่างแห่งยุคสมัย” จากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน

เดือนเมษายนปี 2019 นายจาง อี้ว์กุ่น ได้รับเหรียญรางวัล “4 พฤษภาเยาวชนจีน” ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดที่มอบให้แก่เยาวชนดีเด่นอายุระหว่าง 14-40 ปี ผู้ซึ่งเป็นแบบอย่างที่มีความก้าวหน้า มีคุณธรรมสูงส่ง และมีผลงานอันโดดเด่น

图片默认标题_fororder_2_副本

โรงเรียนประถมเฮยหู่เมี่ยว ตำบลเกาชิว ตั้งอยู่บนภูเขาฝูหนิวซานอันห่างไกล ทางตะวันตกของมณฑลเหอหนาน มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1,600 เมตร ปัจจุบันมีนักเรียน 75 คน ในจำนวนนี้ เป็นนักเรียนประจำกว่า 40 คน กว่าร้อยละ 30 ของนักเรียนที่นี่มีพ่อแม่ทำงานในต่างถิ่น จึงไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ แต่อยู่กับปู่ย่าตายายหรือญาติผู้ใหญ่ในภูมิลำเนาเดิม นานๆ ครั้งจึงจะมีโอกาสพบกับพ่อแม่สักครั้ง เช่น ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่พ่อแม่จะกลับมาเฉลิมฉลองพร้อมหน้ากัน

โรงเรียนแห่งนี้แม้ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน แต่นักเรียนที่บ้านอยู่ไกลต้องใช้เวลาเดิน 3 ชั่วโมงจึงจะมาถึงโรงเรียนได้ แต่เดิมโรงเรียนแห่งนี้ไม่มีโรงอาหาร เด็กนักเรียนจึงต้องนำอาหารจากบ้านมาทานที่โรงเรียน ต่อมาในปี 2003 จึงได้มีการสร้างโรงอาหารขึ้นเพิ่มเติม

โรงเรียนแห่งนี้มีอาคารเรียนสองชั้น 1 หลัง ซึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรม หอพักสองชั้น 1 หลัง และอาคารชั้นเดียวอีก 3 ห้อง

หมู่บ้านเฮยหู่เมี่ยว ตั้งอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร ล้อมรอบด้วยภูเขาหลายต่อหลายลูก ห่างจากตัวอำเภอ 70 กว่ากิโลเมตร แม้ดูไม่ไกลมาก แต่การเดินทางลำบากมาก เนื่องจากหนทางขึ้นเขามีความคดเคี้ยวเลี้ยวลด นอกจากนี้ ยังมีผาชันที่อันตรายอีกหลายแห่ง จึงต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 10 ชั่วโมง ในช่วงปลายปี 2017 หมู่บ้านแห่งนี้มีรถประจำทางเข้าถึง  อย่างไรก็ตาม ครูจำนวนมากยังคงไม่ยอมมาสอนที่นี่

ตรงกันข้ามกับนายจาง อี้ว์กุ่น ที่ประจำอยู่ที่โรงเรียนในหมู่บ้านเฮยหู่เมี่ยวมาเป็นเวลา 18 ปี ด้วยความอดทน ความพยายาม และความเอาใจใส่เด็กนักเรียน เพื่อให้นักเรียนเหล่านี้มีอนาคตที่สดใส

“การก่อเตาไฟด้วยก้อนหินและอิฐ ใช้ได้ประมาณ  8 ปี 10 ปี แต่ตัวอักษรทุกตัวที่เราสอนให้แก่เด็ก พวกเขาสามารถใช้ได้ไปตลอดชีวิต”

นายจาง อี้ว์กุ่น ยังคงยึดมั่นในคำพูดเช่นนี้ หลังจากเลิกเรียน เขายังส่งเด็กนักเรียนกลับบ้านอย่างปลอดภัยอีกด้วย

图片默认标题_fororder_3_副本

ผู้สื่อข่าวที่เคยไปสัมภาษณ์นายจาง อี้ว์กุ่นถึงที่โรงเรียนเฮยหู่เมี่ยวระบุว่า นายจาง อี้ว์กุ่น มีความสูงราว 160 เซนติเมตร อายุยังไม่ถึง 40 ปีแต่ดูเหมือนอายุกว่า 50 ปี

“ครูใหญ่คนก่อนชี้ทางให้ผม หากไม่ใช่ท่าน ผมออกจากเฮยหู่เมี่ยวแล้วแน่นอน”

“ครูใหญ่คนก่อน” ที่นายจาง อี้ว์กุ่นเล่าให้ฟังนั้น คือ นายอู๋ หลงฉี อดีตครูใหญ่ที่เกษียณอายุแล้ว เดือนสิงหาคม ปี 2001 ใกล้จะถึงเวลาเปิดภาคเรียน แต่โรงเรียนยังคงขาดแคลนครูสำหรับห้องเรียนอีก 2 ห้อง ซึ่งไม่มีครูยอมมาสอน เรื่องนี้จึงทำให้นายอู๋ หลงฉีรู้สึกร้อนรน

 มี “ครูคนไหน” จะมาช่วยเป็นการด่วนได้ นายอู๋ หลงฉี นึกถึงผู้หนึ่ง---ซึ่งก็คือ นายจาง อี้ว์กุ่น ศิษย์เก่าของตัวเอง ผู้ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยคุรุศาสตร์ที่ 2 เมืองหนานหยางในเดือนกรกฎาคม ปี 2001 มาหมาดๆ และเป็นบัณฑิตจบใหม่ในปีเดียวกัน “นับเป็นบัณฑิตคุรุศาสตร์ขนานแท้นะ” นายอู๋ หลงฉีดีใจมาก

เรื่องนี้ไม่อาจช้าได้ นายอู๋ หลงฉีจึงรีบหิ้วไข่ไก่หนึ่งตะกร้าไปที่บ้านของนายจาง อี้ว์กุ่น เมื่อไปถึงเขาพบว่าศิษย์เก่าคนนี้กำลังจัดของใส่กระเป๋า และกำลังเตรียมเดินทางไปทำงานรับจ้างในภาคใต้พร้อมกับเพื่อนนักศึกษา

“เธอเป็นลูกศิษย์ของฉัน มาช่วยงานสักช่วงหนึ่ง พอทางอำเภอส่งครูมาแล้ว เธอค่อยออกไปทำงานรับจ้างก็ยังไม่สายนะ” ครูใหญ่พูดโน้มน้าวนายจาง อี้ว์กุ่น

“ครูใหญ่อู๋ ให้ผมคิดให้ดีก่อนนะ” นายจาง อี้ว์กุ่น กล่าวตอบ

图片默认标题_fororder_4_副本

นายจาง อี้ว์กุ่น ออกมาเรียนต่อนอกหมู่บ้านเฮยหู่เมี่ยวเป็นเวลา 3 ปี แม้จะเป็นคนซื่อ แต่เขาก็วางแผนไว้แล้วว่า จะออกไปต่อสู้ หรือทำอะไรก็ได้ ที่ดีกว่าหมกตัวอยู่บนภูเขาใหญ่ที่มีชีวิตยากจน

ครูใหญ่อู๋เกรงว่านายจาง อี้ว์กุ่นจะแอบหนีไปอย่างเงียบๆ จึงมาตามตัวเขาวันละ 3 รอบ

“เธอตามฉันไปดูโรงเรียนก่อน แล้วค่อยว่ากัน ว่าจะอยู่หรือจะไป ฉันจะไม่ขัดขวางเธออีก” ครูใหญ่อู๋เปลี่ยน “กลยุทธ์” ในที่สุด

นายจาง อี้ว์กุ่นตามครูใหญ่อู๋ไปถึงที่โรงเรียน เมื่อได้พบห้องเรียนที่เขาเคยเรียน เจอเด็กนักเรียนแววตาใสๆ ตรงกับภาพของเขาในอดีต ทำให้เขาหวนนึกได้ว่า หากที่นี่ขาดแคลนครู เด็กนักเรียนเหล่านี้ก็จะไม่มีโอกาสได้เรียน นายจาง อี้ว์กุ่น จึงแทบจะร้องไห้

“ครูใหญ่ครับ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมจะไม่ไปต่างถิ่นแล้ว” ด้วยแรงบันดาลใจเช่นนี้ นายจาง อี้ว์กุ่นในวัย 21 ปีจึงเริ่มเป็นครู โดยมีรายได้เดือนละ 30 หยวน บวกกับธัญญาหารอีก 50 กิโลกรัม ซึ่งเป็นโบนัสที่แจกในช่วงสิ้นปี

ตั้งแต่ปี 2001 จนถึงปัจจุบัน นายจาง อี้ว์กุ่น เป็นครูมาตลอด 18 ปี จนกลายเป็นแบบอย่างแห่งยุคสมัย โดยในปี 2014 เขายังได้รับรางวัล “ครูดีเด่นระดับชาติ” ของจีน และล่าสุดในปี 2019 นี้ นายจาง อี้ว์กุ่น ได้รับเหรียญรางวัล “4 พฤษภาเยาวชนจีน” ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดที่มอบให้แก่เยาวชนดีเด่น

(TIM/LING)

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

Not Found!(404)