2019-08-20 15:32CRI
เราสองคนเสนอให้พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลายเลือกสมัครเรียนพิเศษตามอายุของเด็กจะดีกว่าค่ะ
หนึ่ง ภาษาอังกฤษ อายุของเด็กที่ดีที่สุดสำหรับเริ่มไปเรียนภาษาอังกฤษคือ ตั้งแต่อายุ 2-3 ขวบ
เด็กอายุ 3-6 ขวบเป็นช่วงสำคัญของพัฒนาการด้านภาษา โดยเฉพาะเด็กอายุ 2-3 ขวบ ไม่ว่าในด้านการจดจำเสียงพูด การเลียนเสียง และด้านการดูดซับคำศัพท์ ต่างก็มีความได้เปรียบที่ผู้ใหญ่สู้ไม่ได้นะคะ แต่ก็มีผู้ปกครองบางคนกังวลว่า การเรียนภาษาอังกฤษจะสับสนกับภาษาแม่ แต่ความจริง ขณะที่ติดต่อกับสองภาษา ไม่เพียงไม่มีผลต่อการพูดของเด็ก ซ้ำยังจะเร่งรัดการเติบโตของสมองได้ด้วย
แต่ต้องไม่ลืมว่า ในช่วงนี้ ความสามารถการเรียนรู้ของเด็กมีข้อจำกัด พ่อแม่ผู้ปกครองควรทำก็คือ ใช้ความพยายามสร้างบรรยากาศภาษาอังกฤษ ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองพูดภาษาอังกฤษเก่ง ก็พูดภาษาอังกฤษกับเด็กในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าผู้ปกครองพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง หรือว่ากลัวว่าสำเนียงไม่เป็นแบบพื้นเมืองแท้ๆ ก็ใช้วิธี “บดหู” เช่น เปิดเพลงเด็กภาษาอังกฤษ ให้ลูกดูการ์ตูนภาษาอังกฤษ และเล่นเกมบัตรคำภาษาอังกฤษกับลูกเป็นต้น
นอกจากนี้ ก็ใช้ท่าทีอย่างระมัดระวังในการเรียนกับครูต่างชาติ สำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้ABC คำพูดของครูต่างชาติเหมือนบทความที่ยากมากไม่เข้าใจ ดังนั้น ไม่ค่อยได้ประสิทธิผลที่ผู้ปกครองคาดคิดไว้
สอง การเต้นรำ อายุของเด็กที่ดีที่สุดสำหรับเริ่มไปเรียนเต้นรำคือ ตั้งแต่อายุ 4-5ขวบ
ก่อนอายุ 4 ขวบ เอ็นและโครงกระดูกของเด็กยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ควรถือการฝึกความสนใจและจังหวะเป็นสำคัญ ให้เด็กเต้นรำตามจังหวะดนตรีและตามใจเอง หลังอายุ 4 ขวบแล้ว สามารถเริ่มเรียนการเต้นรำขั้นต้น แต่ไม่ควรฝึกท่ายาก เช่น ท่าสะพานโค้ง ฉีกขา และทำหกสูง ซึ่งไม่เหมาะกับเด็กก่อนอายุ 6 ขวบ
นอกจากนี้ ในช่วงนี้ไม่ควรฝึกความแข็งแรง ควรให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของเด็ก โดยก่อนเรียนเต้นรำให้ทำการอบอุ่นร่างกาย อย่างเช่น บริหารส่วนต่างๆของร่างกายและข้อต่อส่วนต่างๆ ขณะทำท่ายากก็ต้องระวังให้ดี อย่างเช่น เวลายืดขาและเสียจุดศูนย์ถ่วง อย่าใจร้อนค่อยๆทำ และหลังจากฝึกเต้นรำแล้วต้องให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงตะคริวหรือได้รับบาดเจ็บ
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญคือ หากสงสัยว่ากระดูกสันหลังส่วนคอหรือกระดูกสันหลังส่วนเอวจะได้รับบาดเจ็บ ควรใช้เปลที่เป็นพื้นเรียบแข็ง นำส่งไปโรงพยาบาลหรือโทรเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน ห้ามแบกอุ้มเด็กขึ้นมา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระดูกสันหลังเกิดการเคลื่อนที่มากกว่าเดิมบาดเจ็บยิ่งขึ้นอีก
สาม การวาดภาพ อายุของเด็กที่ดีที่สุดสำหรับเริ่มเรียนวาดภาพคือ ตั้งแต่อายุ 4-5ขวบ
ขณะอายุ 3-4 ขวบ ความสามารถด้านการแยกแยะของเด็กยังค่อนข้างต่ำ และการจับดินสอปากกาเขียนยังไม่ดีพอ แต่เด็กจะมีความสนใจกับรูปร่างและสีแล้ว ส่วนเด็กอายุ 4-5 ขวบจะมีความสามารถด้านการสังเกตและจินตนาการกับสิ่งที่เป็นจริงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้น ช่วงอายุ 4-5 ขวบจึงเป็นอายุที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มเรียนวาดภาพ ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรให้กำลังใจกับความรู้สึกและเนื้อหาที่เด็กสนใจวาดและแสดงในภาพ ไม่ใช่เนื้อหาการวาดภาพที่ผู้ใหญ่สนใจ
เราต้องรู้ว่า ทารกแต่ละคนมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน แต่ถ้าจะกล่าวถึงเฉพาะเรื่องอายุ ที่เร็วสุดคือ ตอนอายุ 8-9 เดือน ช้าสุดคือประมาณ 2 ขวบ ควรให้ทารกเริ่มทดลองวาดภาพระบายสี ความจริงก็เพื่อให้เด็กทารกเริ่มการสัมผัสกับปากกาและกระดาษ เพื่อพัฒนาการเคลื่อนไหวของมือและนิ้วมือที่ได้สัมผัสกับกระดาษ ส่วนถ้าจะส่งไปเรียนชั้นวาดภาพเป็นตอนอายุประมาณ 4 ขวบจะดีกว่าค่ะ
สี่ การเรียนเปียโน อายุของเด็กที่ดีที่สุดสำหรับเริ่มไปเรียนเปียโนคือ ตั้งแต่อายุ 4-5 ขวบ
เมื่อเร็วๆ นี้ มีประเด็นร้อนทางเน็ตว่า “ในจำนวนเด็ก 10 คนที่เรียนเปียโนนั้น มี 9 คนสายตาสั้น” ซึ่งเป็นคำกล่าวที่เกินจริงและมองเพียงด้านเดียว เพราะสาเหตุที่ทำให้เด็กสายตาสั้นนั้นมีมากมาย เช่น การก้มอ่านหนังสือชิดเกินไป หรือการเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานาน
ดังนั้น อายุที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนเปียโนของเด็กคืออะไร ความจริงไม่มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าต้องเป็นตอนกี่ขวบ แต่ว่าโดยทั่วไปเห็นว่า เด็กวัยประมาณ 5 ขวบจะสามารถเริ่มเรียนเปียโนได้แล้ว
โครงสร้างของเปียโนจะไม่เหมือนหีบเพลงหรือเครื่องเล่นอิเล็กโทน เพราะว่า คีย์ของหีบเพลงกับคีย์บอร์ดไฟฟ้าเป็นแบบโหมดสัมผัส เพียงใช้นิ้วมือกดเบาๆก็จะออกเสียงได้ แต่เปียโนต้องใช้แรงประมาณ 30 กรัมจึงจะเล่นโน้ตตัวหนึ่งได้ ดังนั้น หากเด็กอายุน้อยเกินไป ก็จะไม่ถึงข้อเรียกร้องที่ใช้แรงขนาดนี้ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่สามารถเรียนเปียโนได้ดี ถ้าเป็นเวลานานอาจจะทำลายการเติบโตที่เป็นปกติของนิ้วมือของเด็กด้วย ดังนั้น เด็กอายุ 5 ขวบ ที่เซลล์เยื่อหุ้มสมอง ระบบประสาทส่วนกลาง การพัฒนาของกล้ามเนื้อต่างเติบโตสมบูรณ์มากขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นสภาวะทางสรีรวิทยาที่ดีงามสำหรับการเรียนเปียโน
นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับเรื่องว่าจะเรียนเพลงอะไรได้บ้าง ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับเรื่องการฝึกใช้มือและตา ความสนใจและความอดทนของเด็กมากกว่า
Yim/kt