2019-10-01 23:43CRI
ปีนี้เป็นปีครบรอบ 70 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน 70 ปีที่ผ่านมา การศึกษาของทิเบตของจีนมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะนโยบายเรียนฟรี กินฟรีอยู่ฟรีสำหรับนักเรียนชาวทิเบตครอบคลุมการศึกษาตั้งแต่ปฐมวัยถึงมัธยมปลาย สะท้อนให้เห็นว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนให้ความสำคัญและความสนใจอย่างมากกับการศึกษาทิเบต
นโยบายกินฟรี อยู่ฟรีและเรียนฟรีเป็นนโยบายพิเศษของรัฐบาลกลางจีนที่มีต่อการศึกษาของทิเบต สะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ให้ความสำคัญและให้ความสนใจกับการศึกษาในทิเบต นายหวัง กั๋วหัว ผู้รับผิดชอบฝ่ายการบัญชี กรมการศึกษาของเขตปกครองตนเองทิเบต ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวและแนะนำนโยบายนี้อย่างละเอียดว่า
“นโยบายนี้เริ่มดำเนินมาตั้งแต่ค.ศ. 1985 มีการปรับปรุง และเพิ่มมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมการศึกษาปฐมวัยถึงมัธยมปลาย ลูกชาวนา-คนเลี้ยงสัตว์และครอบครัวยากจนที่อาศัยอยู่ในเมืองทั้งหมดปัจจุบัน เงินช่วยเหลือนักเรียนต่อคนต่อปีอยู่ที่ 3,720 หยวนเฉพาะปี 2019 ก็จัดสรรเงินทุน 223,700 ล้านหยวน มีประโยชต์ต่อนักเรียน 605,900 คน”
หลายปีมานี้ โรงเรียนสาธิตลาซาปักกิ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนทิเบตที่ใช้นโยบายดังกล่าว เมื่อค.ศ. 2014 ทางการปักกิ่งลงทุน 250 ล้านหยวนสร้างโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นมา โรงเรียนมีเนื้อที่ 207 โหม่ว ครูและเจ้าหน้าที่เกือบ 300 คน นักเรียนกว่า 2,400 คน นายเหลียง ซิน เป็นครูจากปักกิ่งและช่วยสอนหนังสือที่ทิเบต ขณะนี้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการของโรงเรียนแห่งนี้ เขาเปิดเผยว่าในโรงเรียนฯ สัดส่วนของนักเรียนที่มีสิทธิ์ใช้นโยบายดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 95-96 ของนักเรียนทั้งหมด นอกจากนี้ โรงเรียนยังจัดตั้งห้องเรียนหงจื้อ(แปลว่าฝึกนักเรียกให้มีเจตนารมณ์และวิสัยทัศน์อันกว้างไกลเพื่อตอบแทนบุญคุณของประเทศและสังคม)ช่วยเหลือนักเรียนที่ครอบครัวยากจนอีก
“ขณะนี้ โรงเรียนเรามี 54 ห้องเรียน แต่ละชั้นมีห้องเรียนหงจื้อซึ่งแปลว่ายกย่อง 1 ห้องเรียน โดยกองบัญชาการปักกิ่งช่วยเหลือทิเบตลงทุน 5 แสนหยวนต่อห้องเรียนต่อปี เพื่อให้ความช่วยเหลือ นักเรียนที่อยู่ในห้องเรียนนี้มาจากครอบครัวยากจนที่ลงทะเบียนแล้ว หรือเป็นกำพร้าและยังมีนักเรียนที่พ่อแม่ได้รับเงินประกันสังคมขั้นต่ำในชนบทและเมือง เป็นต้น”
นางสาวชั่วจี๋ เป็นนักเรียนมัธยมต้นปีที่ 3 ของห้องเรียนหงจื้อ เป็นหนึ่งในนักเรียนที่มีสิทธิ์กินฟรี อยู่ฟรีและเรียนฟรี เธอได้แสดงความปรารถนาของเธอหลังสำเร็จการศึกษาว่า
“ดิฉันชอบมากที่สามารถอ่านหนังสือที่นี่ ในอนาคต ดิฉันอยากจะเป็นครูสอนภาษาทิเบตที่สืบทอดประวัติศาสตร์ของชนเผ่าทิเบตให้คนรุ่นหลัง”
(Bo/Cui)