2020-03-04 17:13CRI
ตั้งแต่ช่วงตรุษจีนปีนี้เป็นต้นมา เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้ชีวิตการงานอันเงียบสงบของชาวจีนจำนวนมากต้องเปลี่ยนจังหวะไป แวดวงต่างๆ เกือบทั่วประเทศต่างได้เข้าร่วมการต่อสู้กับไวรัสดังกล่าว และทุ่มเทกำลังเพื่อช่วยเหลือเมืองอู่ฮั่นให้ผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส ซึ่งชาวอู่ฮั่นทั่วไปจำนวนไม่น้อยก็เริ่มมีชีวิตแบบพิเศษที่ไม่เหมือนอดีต
นายวัง หย่ง ชาวอู่ฮั่นที่ทำงานส่งพัสดุด่วนในเมือง ช่วงนี้กลายเป็นคนโด่งดัง ซึ่งมีผู้สื่อข่าวติดตามสัมภาษณ์มาหลายครั้ง การเปลี่ยนแปลงของชีวิตเขาเริ่มขึ้นตั้งแต่วันส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมานี้
คืนวันส่งท้ายปีเก่า หลังจากทานอาหารกับครอบครัวเสร็จ นายวัง หย่งพบข้อความขอความช่วยเหลือในโมเมนต์วีแชทข้อความหนึ่ง ซึ่งนางพยาบาลคนหนึ่งในโรงพยาบาลจินหยินถานขอความช่วยเหลือจองรถกลับบ้าน เพราะบริเวณโรงพยาบาลถูกจำกัดการเดินรถเมล์แล้วเนื่องจากเกิดการระบาดอย่างหนักของโควิด-19 พยาบาลคนนี้ทดลองจองรถแท็กซี่ แต่โรงพยาบาลจินหยินถานมีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก คนขับส่วนใหญ่กลัวติดเชื้อ เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีคนรับงานนี้ หากเดินกลับบ้านต้องใช้เวลา 4 ชั่วโมง เธอเข้าทำงานกลางคืนและได้เลิกงานตอน 6 โมงเช้าของวันถัดไป จึงโพสต์ขอความช่วยเหลือลงโมเมนต์ โดยหวังจะมีคนขับแท็กซี่ใจดีที่ช่วยส่งเธอกลับบ้าน
แม้เรื่องนี้มีความเสี่ยงทางสุขภาพ แต่นายวัง หย่งก็อยากจะไปช่วย เขาขับรถไปเองโดยโกหกพ่อแม่และภรรยาว่า บริษัทเขาเรียกให้ไปทำงานเพิ่ม เพราะไม่อยากให้ครอบครัวเกิดความกังวล เมื่อไปถึงโรงพยาบาลตามนัด พยาบาลคนนี้รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง และบอกว่า นึกไม่ถึงว่า มีคนมารับจริงๆ เธอน้ำตาไหลตลอดระหว่างทาง
หลังจากส่งพยาบาลคนนี้กลับบ้านแล้ว นายวัง หย่งตั้งใจกลับโรงพยาบาลจินหยินถานอีก เพื่อรับส่งหมอและพยาบาลจำนวนมากยิ่งขึ้นต่อ ในวันนั้นเขาได้รับส่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลดังกล่าวรวมแล้วกว่า 30 คน ขณะกลับบ้าน นายวัง หย่งก็แอบคิดกังวลใจเหมือนกันว่า ถ้าตัวเองติดเชื้อด้วยจะทำอย่างไรดี แต่เมื่อเห็นว่ามีคนเรียกรถอีก เขาก็ตัดสินใจโทรบอกภรรยาว่า วันนี้ไม่กลับบ้านแล้ว เพราะมีการติดต่อกับผู้ถูกสงสัยติดเชื้อไวรัส จึงต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 7 วัน ช่วงนี้คงต้องนอนที่คลังบริษัท ภรรยาฟังแล้วร้องไห้ใหญ่ ใช้เวลานานจึงสามารถสงบสติอารมณ์เป็นปกติได้
โรงพยาบาลจินหยินถาน เป็นโรงพยาบาลรับผู้ป่วยโควิด-19 มากที่สุดในเมืองอู่ฮั่นช่วงนั้น เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลดังกล่าวทำงานไม่ได้หยุดตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว คนที่ได้นอนพักบนเตียงมีไม่ถึง 10% ส่วนใหญ่ได้พักผ่อนเพียงนั่งบนเก้าอี้เป็นระยะสั้นๆ
นายวัง หย่งตั้งใจให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อย่างเต็มที่ แต่เขาพิจารณาแล้วว่า แม้ใช้ความพยายามมากที่สุด เขาคนเดียวสามารถวิ่งรถได้แค่วันละ 300 กิโลเมตรเท่านั้น เพื่อให้ความช่วยเหลือได้มากกว่านี้ เขาคิดจัดตั้งทีมอาสาสมัครบริการรับส่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทั้งหลาย โดยประกาศรับอาสาสมัครผ่านโมเมนต์วีแชท ซึ่งมีข้อเรียกร้องแค่ 2 ข้อ คือ 1.ต้องพักอยู่คนเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทำให้คนอื่นติดเชื้อไวรัส 2.ต้องใส่หน้ากากอนามัยและทำการป้องกันการแพร่กระจายไวรัสที่เกี่ยวข้อง
หลังจากนั้นไม่นาน นายวัง หย่งก็ได้เพื่อนอาสาสมัครกว่า 20 คน พวกเขาสลับกันรับส่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ระหว่างบ้านกับโรงพยาบาล โดยใช้รถยนต์ 6 คัน แต่ก็รู้สึกไม่สามารถสนองความต้องการการเดินทางของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อย่างเต็มที่ นายวัง หย่งจึงติดต่อกับบริษัทรถจักรยานแชร์ใช้จำนวนหนึ่ง อย่าง “โมไบค์” เพื่อขอความช่วยเหลือ บริษัทโมไบค์ได้ให้ความร่วมมืออย่างแข็งขัน และรีบจัดวางรถจักรยานแชร์ใช้ที่บริเวณโรงพยาบาลและโรงแรมรอบข้างหลายพื้นที่ บริษัทรถจักรยานแชร์ใช้ “ชิงจี๋ว์” ก็ให้การสนับสนุนเช่นกัน โดยจัดวางจักรยาน 400 คันภายใน 3 วัน
ช่วงนั้น นายวัง หย่งคุยโทรศัพท์ทางวีดีโอกับภรรยาทุกคืน ทั้งๆที่ไม่ได้บอกความเป็นจริงให้ครอบครัวทราบ แต่พร้อมกับทำงานมากขึ้นและมักจะปรากฏตัวในโมเมนต์ของเพื่อนๆ บางทียังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ในที่สุด ครอบครัวจึงรับรู้แล้วว่า วัง หย่งกำลังทำงานนี้อยู่ ภรรยามีความกังวลอย่างยิ่ง แต่ก็เข้าใจและสนับสนุนในที่สุด
นายวัง หย่งกล่าวว่า งานเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาอยากทำ สิ่งที่ทำให้เขาลำบากใจเพียงเรื่องเดียวก็คือ ต้องขอโทษลูกสาว ซึ่งคิดถึงพ่อตลอดและต้องแยกกันตั้งนาน แต่พอคิดว่า เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์กำลังฟันฝ่าต่อสู้เพื่อช่วยชีวิตประชาชน เขาก็มีความตั้งใจยิ่งขึ้นว่า ต้องอุทิศกำลังของตนเพื่อช่วยดูแลพวกเขาด้วยดีเท่าที่จะทำได้
พร้อมไปกับทีมงานทางการแพทย์จากท้องที่ต่างๆ ทยอยกันเดินทางถึงเมืองอู่ฮั่นเพื่อช่วยงานการรักษาผู้ป่วย นอกจากรับส่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์แล้ว กลุ่มอาสาสมัครของนายวัง หย่งยังระดมเงินบริจาค 22,000 หยวน เพื่อซื้อขนมปังและน้ำดื่มเพิ่มเติมให้กับหมอและพยาบาลที่ทำงานทั้งคืน ต่อจากนั้น ได้ทราบว่า โรงอาหารเดิมในโรงพยาบาลไม่พอที่จะสนองความต้องการด้านอาหารแล้ว กลุ่มอาสาสมัครของนายวัง หย่งก็รีบช่วยแสวงหาวิธีแก้ไข โดยได้ประสานงานกับร้านอาหารต่างๆ วันถัดไปก็มีเจ้าของร้านอาสาให้ความช่วยเหลือ โดยจัดทำอาหารกล่องส่งให้วันละกว่า 100 กล่อง ต่อจากนั้นไม่นาน ก็มีร้านอาหารอื่นๆ แสดงความประสงค์ทำอาหารกล่องให้ฟรีอีกวันละ 1,500 กล่อง ซึ่งสามารถขจัดปัญหาด้านอาหารการกินของโรงพยาบาลจินหยินถาน โรงพยาบาลซินหวา และโรงพยาบาลเสียเหอ รวม 3 แห่ง
สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ ร้านอาหารดังกล่าวทำอาหารให้ได้เพียง 2 วันก็ถูกบังคับให้หยุดเนื่องจากไม่มีใบอนุญาตปรุงอาหารให้ทางโรงพยาบาล จากนั้น นายวัง หย่งจึงติดต่อประสานงานกับร้านอาหารอื่นๆ อีกกว่า 20 ร้าน ด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละ ในที่สุด ก็พบร้านอาหารที่มีสิทธิ์และสามารถสนองความต้องการได้
นายวัง หย่งให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เขาเป็นพลเมืองทั่วไปคนหนึ่ง แต่ในกระบวนการทำงานบริการอาสาสมัคร ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมงานอาสาสมัครทั้งหลายและหน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนเองไม่เพียงแต่เป็นคนส่งพัสดุด่วน ยังได้ทำงานอื่นๆ อีกมากมายด้วย และพยายามหาวิธีแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่ทุกวัน ดังนั้น ขอเพียงเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ต้องการความช่วยเหลือ เขายินดีที่ก้าวออกมาและให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ
เขาบอกว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสครั้งนี้ นับเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก ในทั้งชีวิตของคนทั่วไป อาจไม่พบเรื่องราวสำคัญกว่านี้อีก หวังว่าลูกสาวโตขึ้นแล้ว เมื่อนึกถึงสิ่งที่พ่อเคยทำนี้ จะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาเช่นกัน
Yim/Sun