2020-03-22 14:00CRI
ช่วงสองวันมานี้ สื่อและประชาชนชาวอเมริกัน แสดงความไม่พอใจจากเหตุการณ์หนึ่ง นั่นก็คือ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายริชาร์ด บูร์ ประธานคณะกรรมการข่าวกรอง วุฒิสภาสหรัฐฯ เทขายหุ้นของตนและภรรยา ซึ่งก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์ เขายังประกาศว่า สหรัฐเตรียมการรับมือกับการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นอย่างดีเมื่อเทียบกับอดีต เขาเป็นคนร่วมร่างญัตติรับมือกับโรคระบาดของสหรัฐฯ และเป็นสมาชิกคณะกรรมการอนามัยของวุฒิสภา
สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า หลังเกิดโรคระบาดแล้ว เขาได้รับฟังรายงานเกี่ยวกับโรคระบาดของวุฒิสภามาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกวุฒิสภาอีก 3 คน เทขายหุ้นที่ถืออยู่ในเวลาเดียวกันพร้อมกับนายบูร์ โดยเฉพาะนายเคลลี โลฟฟ์เลอร์ สมาชิกวุฒิสภาที่กล่าวว่าเขาได้ร่วมประชุมแนะนำเกี่ยวกับโควิด-19 ของวุฒิสภาในวันเดียวกัน
การเทขายหุ้นของนักการเมืองสหรัฐนั้น เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่าการป้องกันโควิด-19 ของสหรัฐฯ ไร้ระบบระเบียบ และปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจนว่า นักการเมืองสหรัฐฯ มองเงินเป็นเรื่องสำคัญที่สุด สำคัญกว่าชีวิต
แม้ว่าทั่วโลกประณามสหรัฐฯ ตรวจเช็คเชื้อโควิด-19 อย่างเชื่องช้า แต่ก็ยังมีการรายงานข่าวว่า นักการเมือง บุคคลที่มีชื่อเสียง เน็ตไอดอล หรือดารานักบาสเกตบอล NBA ได้รับการตรวจเชื้อไวรัส ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ พูดว่า “นี่ก็เป็นไปตามโชคชะตา ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ” แสดงให้เห็นว่า ในสหรัฐฯ คนรวยที่ที่เป็นประชากร 1% แต่มีทรัพย์สิน 40% ของประเทศนั้น สร้างความไม่ยุติธรรมให้กับสังคม ใช้เงินเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง และละเมิดผลประโยชน์ของมวลชน เป็นข้อบกพร่องของระบบการเมืองสหรัฐฯ
ท้ายสุด จะมองปัญหาอย่างถูกต้องได้หรือไม่ จะมีความโปร่งใสและปฏิบัติอย่างรวดเร็วได้หรือไม่ จะคำนึงถึงชีวิตและสุขภาพของชาวอเมริกันหรือไม่ เป็นสิ่งที่บรรดานักการเมืองที่ร่ำรวยต้องนำกลับไปคิด
Bo/Ping/Cai