2020-07-10 18:08
นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัทหวาเหว่ย เป็นนักเล่า เขาเคยเล่าให้สื่อมวลชนฟังว่า หวาเหว่ยจ้างนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก ที่รัสเซียมีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งทำงานให้หวาเหว่ย เขาจีบสาวไม่เป็น เพียงนั่งทำงานเงียบๆในออฟฟิศ พอถามเพื่อนร่วมงานว่าเขาทำอะไรอยู่ ได้รับคำตอบว่าเล่นคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ไม่เห็นทำอะไร ครั้งหนึ่งที่หัวหน้าฝ่ายบริหารนักวิจัย ที่ดูแลนักวิจัยกว่า 50,000 คน เดินทางไปเยี่ยมเขาที่มอสโก เขาทักหัวหน้าคำเดียวว่าhello มีครั้งหนึ่งที่เขาได้รับเหรียญสมาชิกสภาหวาเหวย ซึ่งหัวหน้าชวนเขาคุย เขาตอบเพียง"เอิน อิน เอิน"เท่านั้น แล้วหันกลับไปเล่นเกมต่อ ทั้งๆที่กินเงินเดือนจากหัวเหวยสูงมาก แต่กลับเล่นคอมอยู่เงียบๆกว่า 10 ปี วันหนึ่งเขาติดต่อกับหัวหน้าแล้วบอกว่า"ผมหาวิธีทำ2Gให้เป็น3Gได้แล้ว" หลังจากนั้นเทคโนโลยี 3G ของหวาเหว่ยก็นำหน้าทั่วโลก
อีกรายเป็นชายญี่ปุ่นชื่อโอกาโมโตะ เป็นคนแปลกมาก จบปริญญาตรีทางด้านศิลปะ จบปริญญาโทและปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกา เขาวาดภาพเก่งมาก แต่พูดอังกฤษไม่ได้ หลายปีก่อน หวาเหว่ยลงทุน 10,000 ล้านหยวน สร้างสำนักงานใหญ่ซงซานหูที่เมืองตงก่วน มณฑลกวางตุ้ง หวาเหว่ยเชิญนายโอกาโมโตะมาออกแบบและเมื่อสร้างเสร็จก็ให้เขาดูแลเขตนี้ต่อไป
นายเหริน เจิ้งเฟย เป็นคนใจกว้าง หวาเหว่ยจึงเป็นบริษัทที่เปิดกว้าง รับบุคลากรระดับหัวกะทิจากทั่วโลก ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมให้บริการแก่ชาวโลก 3,000 ล้านคน แต่มีประเทศหนึ่งไม่อนุญาตให้หวาเหว่ยอยู่ต่อ
วันที่ 12 เมษายน ค.ศ.2019 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวเกี่ยวกับระบบ 5G ว่า สหรัฐฯต้องชนะการแข่งขัน 5G เราไม่อนุญาติให้ประเทศอื่นแซงหน้าด้านนี้
10 กุมภาพันธ์ 2020 ที่กรุงวอชิงตัน นายวิลเลียม บารร์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกากล่าวในการประชุมความคิดริเริ่มจีน ว่า ปัจจุบัน จีนนำหน้าด้านระบบ 5G ครองสัดส่วน 40% ตลาดโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมทั่วโลก นับเป็นครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกาไม่สามารถเป็นผู้นำเทคโนโลยีสมัยต่อไป คาดว่าจนถึงปี 2025 อุตสาหกรรมอินเตอร์เน็ตที่มี 5Gเป็นพลังขับเคลื่อนจะสร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจมูลค่า 23 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น เราต้องใช้ปฏิบัติการเพื่อยุติการเป็นผู้นำระบบ 5G ของหวาเหว่ยและบริษัทจีนอื่นๆ
เมื่อเร็วๆนี้ นายจอห์น โรเบิร์ต โบลตันอดีตผู้ช่วยประธานาธิบดีสหรัฐฯด้านความมั่นคง ที่เพิ่งออกจากตำแหน่งได้ไม่นาน ได้เขียนหนังสือเปิดโปงความลับในทำเนียบขาว โดยมีเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่าตัวเขาเป็นผู้วางแผนคว่ำบาตรหวาเหว่ยและให้แคนาดาจับกุมนางเมิ่ง หว่านโจวลูกสาวคนโตของนายเหริน เจิ้งเฟย ทั้งนี้ทั้งนั้นมิได้เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาที่ว่า"ทำการค้ากับอิหร่าน" หรือ "เป็นภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา" แต่เกี่ยวข้องกับเงิน 23 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในอนาคต
ผู้สื่อข่าวเคยถามนายเหริน เจิ้งเฟยว่า "เป็นห่วงลูกสาวที่ถูกกักบริเวณอยู่ที่แคนาดาหรือไม่" นายเหรินฯตอบว่า"เป็นห่วงบ้าง แต่ไม่มาก ตอนผมโทรศัพท์ไปที่ที่พักของเธอ คนรับสายมักเป็นคุณแม่หรือสามีของเธอที่ไปอยู่เป็นเพื่อน เพราะลูกสาวกำลังยุ่งกับการเรียนอยู่" เมิ่ง หว่านโจวเคยบอกกับพ่อว่าถ้าถูกตัดสินจำคุกจริงๆ เธอจะเรียนจบปริญญาเอกก่อนออกจากคุก
นายเหรินฯยังเล่าถึงอดีตว่า ตอนที่เป็นทหารดูแลสายโทรศัพท์ในพื้นที่ภูเขามณฑลเสฉวน นักเรียนที่นั่นมีโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้น้อยมาก วันหนึ่งเมิ่ง หว่านโจวมาบอกกับพ่อว่า"พ่อจ๋า ถ้าหนูสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ พ่อต้องรับผิดชอบนะ" คำนี้ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากการเป็นทหารและพาครอบครัวไปทำงานที่เมืองเซินเจิ้นและตั้งบริษัทนิวไฮเทคระดับโลก
ภาพถ่ายชุดนี้เป็นสำนักงานใหญ่ซงซานหูที่เมืองตงก่วน มณฑลกวางตุ้ง
หากชื่นชอบบทความดังกล่าว อย่าลืมกดไลก์ กดติดตาม และแชร์กับเพื่อน ๆ ค่ะ ติดตามเนื้อหาสาระล่าสุดที่เฟสบุ๊ค เพจ “ลึกชัดกับผิงผิง” อัปเดตทุกวันค่ะ