2020-07-18 16:17ไชน่ามีเดียกรุ๊ป
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นายโรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ รวมถึงบรรดานักการเมืองที่ต่อต้านจีน อ้างการพิทักษ์สิทธิมนุษยชนจงใจใส่ร้ายนโยบายการบริหารเขตซินเจียงของจีน โดยพยายามกระจายข่าวลือต่าง ๆ เช่น “การคุมขังประชาชน” “การบังคับใช้แรงงาน” และ “การควบคุมประชากร” เป็นต้น อันที่จริงแล้ว นักการเมืองเหล่านี้ไม่สามารถแสดงหลักฐานยืนยันข่าวลือดังกล่าวได้แต่อย่างใด
ความจริงแล้ว นโยบายการบริหารเขตซินเจียงของจีนเป็นการพิทักษ์สิทธิมนุษยชนอย่างสุดความสามารถ เนื่องจากรัฐบาลจีนดำเนินนโยบายปราบปรามลัทธิการก่อการร้ายและนโยบายขจัดกลุ่มหัวรุนแรงอย่างมีประสิทธิภาพ เขตซินเจียงไม่มีเหตุก่อการร้ายและการใช้ความรุนแรงติดต่อกันเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว คุ้มครองสิทธิการใช้ชีวิตของประชาชนในซินเจียงด้วยดี ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา เขตซินเจียงรับมือปัญหาสมาชิกครอบครัวไม่มีงานทำในครอบครัวยากจนรวม 151,000 คน ทำให้แต่ละคนมีรายได้เฉลี่ยต่อปีกว่า 45,000 หยวน พ้นจากระดับความยากจนได้สำเร็จ
เมื่อหันกลับไปมองสหรัฐฯ “ผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน” กลับกลายเป็นผู้ทำลายสิทธิมนุษยชนอันดับหนึ่งของโลก ข้อมูลระบุว่า ระยะเวลากว่า 240 ปี นับตั้งแต่ประเทศสหรัฐอเมริกาสถาปนาขึ้น มีเพียง 16 ปีเท่านั้นที่สหรัฐฯ ไม่ทำสงคราม ช่วงเวลาเกือบ 20 ปีมานี้ สหรัฐฯ ทำสงครามหรือดำเนินปฏิบัติการทางทหารอย่างผิดกฎหมายในประเทศอิรัก ซีเรีย ลิเบีย และอัฟกานิสถาน เป็นต้น ก่อวิกฤตด้านมนุษยธรรมอย่างใหญ่หลวงและทำลายสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง
ดังที่นายมาริโอ เฟอร์ดินาน แพชัน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ฟิลิปปินส์-กลุ่มประเทศบริกส์ กล่าวว่า การที่สหรัฐฯ คิดสร้างปัญหาสิทธิมนุษยชนในเขตซินเจียงมีเป้าหมายโจมตีชื่อเสียงระดับสากลของจีน ทั่วโลกต่างไม่เห็นด้วยและกลับทำให้สหรัฐฯ “ดูโง่เขลา” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ในที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 44 มี 46 ประเทศประกาศแถลงการณ์ร่วมชื่นชมการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนของจีนในเขตซินเจียง พร้อมทั้งประณามการอ้างปัญหาสิทธิมนุษยชนเพื่อยั่วยุจีนของสหรัฐฯ
(Tim/Zi)