2020-08-28 21:45CRI
วันที่ 26 ส.ค. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศว่า จะจัดวิสาหกิจจีนจำนวน 24 แห่งในรายการคว่ำบาตร โดยให้เหตุผลว่าวิสาหกิจเหล่านี้มีส่วนร่วมในการก่อสร้างเกาะบริเวณทะเลจีนใต้ วันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่า จะดำเนินการ “จำกัดการอนุมัติวีซ่า” แก่พลเรือนจีนที่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างเกาะฝีมือมนุษย์ในทะเลจีนใต้ ทั้งนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวล่าสุดที่สหรัฐฯ แทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างอุกอาจ ทั้งยังฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศและกฎเกณฑ์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไม่สนใจใคร
สิ่งที่ทราบกันดี คือ อธิปไตยเหนือดินแดนและผลประโยชน์ทางทะเลในทะเลจีนใต้ของจีนมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และกฎหมาย การที่จีนดำเนินการก่อสร้างบนดินแดนของตนเองนั้นถือเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับอธิปไตยโดยสิ้นเชิง มีเหตุผลและชอบด้วยกฎหมาย การกระทำเช่นนี้ไม่เจาะจงและไม่กระทบต่อประเทศใด ๆ รวมถึงยังเป็นประโยชน์ต่อการให้บริการสาธารณะแก่ประเทศในภูมิภาคด้วย
ด้วยเหตุนี้ การก่อสร้างบนเกาะที่อยู่ในอาณาเขตจีนนั้น ถือเป็นสิทธิประโยชน์ปกติที่กฎหมายสากลมอบให้ประเทศที่มีอธิปไตย คำกล่าวที่ว่า “จีนเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคทะเลจีนใต้” ของนักการเมืองอเมริกันกลับไม่มีเหตุผลแม้แต่น้อย ความจริงประเทศในภูมิภาคดังกล่าวต่างเห็นแจ้งมานานแล้วว่า ที่สหรัฐฯ จงใจสร้าง “ปัญหาทะเลจีนใต้” และมุ่งแผลงฤทธิ์ไปทั่วโดยใช้ข้ออ้างการ “เดินเรืออย่างเสรี” นั้นเพื่อต้องการครองความเป็นใหญ่ทางทะเลในโลก
ประเทศในภูมิภาคทะเลจีนใต้ทราบเรื่องนี้ดีและไม่อาจถูกนักการเมืองอเมริกันหลอกจนตกเป็นหมากในการต่อสู้กับจีน เช่น นายโรดรีโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ซึ่งแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า จะไม่ร่วมการซ้อมรบที่ริเริ่มโดยสหรัฐฯ นายมาร์ค บาเลนเซีย ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายทางทะเลชื่อดังของสหรัฐฯ ซึ่งเคยเผยแพร่บทความที่ระบุว่า สหรัฐฯ หมายสร้างภาพลวงตาที่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้อนรับกองทัพสหรัฐฯ แต่ความจริง คือ ประเทศอาเซียนรักษาความระมัดระวังต่อการแทรกแซงกิจการทะเลจีนใต้ด้วยกำลังทหารของสหรัฐฯ นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์โยมิอุริชิมบุน ยังเคยตีพิมพ์บทวิเคราะห์ซึ่งระบุว่า ประเทศอาเซียนมีความหวังอย่างจริงใจว่าจะหลีกเลี่ยงการทำลายความสัมพันธ์กับจีน
Dan/Tim