ภาพเล็กแผ่นดินใหญ่ - ศิลปะจากความเคืองแค้น

ภาพเล็กแผ่นดินใหญ่ - ศิลปะจากความเคืองแค้น_fororder_20210210-2

(ภาพจาก wikipedia.org)

ศิลปะการเขียนอักษรจีน (书法) หรือการเขียนอักษรวิจิตรนั้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะวัฒนธรรมจีนมาแต่ไหนแต่ไร อย่างน้อยผมก็ไม่เคยเห็นวัฒนธรรมไหนยกการเขียนตัวอักษรให้เป็นศิลปะแขนงใหญ่ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปีแบบวัฒนธรรมจีน (ยกเว้นที่ได้รับอิทธิพลจากจีน)

ทั้งนี้ วัฒนธรรมจีนไม่ได้เพ่งเล็งลายมือด้วยเพียงเพราะว่าคนคนนั้นเขียนอะไร แต่ยังสนใจไปถึงเขียนออกมาอย่างไร หรือมีลายมืองดงามในรูปแบบไหนด้วย

ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่าถ้าวัฒนธรรมไทยมีแนวคิดของศิลปะแขนงนี้ ก็อาจจะมีลายมือสุนทรภู่ ลายมือพ่อขุนรามคำแหง ลายมือพระนารายณ์มหาราชเก็บรักษามาให้ดูชม

หนึ่งภาพอาจแทนพันคำ แต่สำหรับศิลปะอักษรวิจิตรนั้น กับคนต่างวัฒนธรรมที่ไม่มีพื้นภาษาจีน ผลงานศิลปะการเขียนอักษรจีนนั้นออกจะก้ำกึ่ง จะดูจนเข้าถึงความงามของลายเส้นเฉยๆ โดยไม่เข้าใจความหมายจากการอ่านก็ไม่ผิด

แต่มีผลงานชื่อดังชิ้นหนึ่งที่อาจสร้างความงุนงง นั่นก็คือภาพในต้นเรื่อง

ภาพที่เห็นคือลายมือตวัดฉับพลัน หรืออาจดูถึงขั้นไม่ยั้งมือยั้งใจ เขียนแล้วเขียนผิดก็ขีดฆ่าลบแก้ข้อความไป นี่คือผลงานของนักเขียนอักษรวิจิตรอันยิ่งใหญ่นามเหยียนเจินชิง (颜真卿ค.ศ.709 -ค.ศ.785)

เหยียนเจินชิงเป็นขุนนางปัญญาชน นักเขียนอักษรวิจิตรชื่อดังแห่งราชวงศ์ถัง ลายมือของเขาได้ชื่อว่าหนักแน่นเป็นระเบียบ ทุกวันนี้ยังมีคนยึดถือลายมือของเหยียนเจินชิงเป็นแบบอย่างการเขียนอักษรบรรจง (楷书 [ข่ายซู] - อักษรบรรจงรูปแบบหนึ่งที่ตัวอักษรอยู่ภายใต้กรอบสี่เหลี่ยม) มากมาย แต่นั่นไม่ใช่ลายมือที่ท่านเพิ่งเห็นไปเป็นแน่

แต่ผลงานชิ้นนี้คือลายมือกึ่งหวัด (行书[สิงซู]) อันถูกยกย่องเป็นหนึ่งในสามชิ้นสุดยอดลายมือกึ่งหวัดของศิลปะอักษรวิจิตรจีน…

ทว่าจะเขียนแบบกึ่งหวัดขนาดไหน ผลงานที่น่ายกย่องก็ไม่น่าจะมีการขีดฆ่าหรือมีสภาพขนาดนี้ แล้วที่มาของคำยกย่องนี้จะมาจากเหตุใดกัน?

ที่มาของลายมือนี้มาจากการที่เหยียนเจินชิงเป็นหนึ่งในประจักษ์พยานคนสำคัญของเหตุการณ์พลิกผันทำให้ราชวงศ์ถังอันรุ่งเรืองพลิกคว่ำทรุดโทรมแทบล่มสลายดุจตะวันดับเมื่อเที่ยงวัน

ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า ราชวงศ์ถังที่เรามักได้ยินว่ารุ่งเรืองยิ่งใหญ่นั้นคือสถานการณ์ของราชวงศ์ถังในช่วงแรก ในช่วงหลังของรัชสมัยฮ่องเต้ถังเสวียนจง (ค.ศ.685 – ค.ศ.762) หลังราชวงศ์ถังก่อตั้งได้ 137 ปี เกิดวิกฤติการเมืองการทหารซึ่งทำให้ 152 ปีที่เหลือแห่งราชวงศ์ถังกลายสภาพเป็นบ้านเมืองที่ชำรุดทรุดโทรม

วิกฤติการเมืองการทหารนั้นก็คือ “กบฏอันสื่อ” นำโดยอันลู่ซัน-ชนเผ่านอกด่านที่มาเป็นแม่ทัพให้จีนซึ่งฮ่องเต้ถังเสวียนจงไว้ใจนักหนา

และลายมือของเหยียนเจินชิงชิ้นนี้คือผลงานท่ามกลางวิกฤตินี้นั่นเอง

เหยียนเจินชิงเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ การศึกษาดี เขาเป็นขุนนางน้ำดีมีความสามารถ รับราชการตำแหน่งใดก็มีผลงาน ไม่นานนักจึงได้เข้าเป็นขุนนางใกล้ชิดองค์ฮ่องเต้ในเมืองหลวง

แต่ช่วงก่อนวิกฤติกบฏอันสื่อ สถานการณ์บ้านเมืองรุ่งเรือง รุ่มรวย ฟุ้งเฟ้อ ฮ่องเต้ถังเสวียนจงวางใจว่าบ้านเมืองจะรุ่งเรืองยืนยาวเช่นนี้ต่อไป เหยียนเจินชิงผู้เข้าต่อสู้ฟาดฟันกับขุนนางเพ็ดทูลขี้ฉ้อจึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากฮ่องเต้เท่าขุนนางที่เสริมส่งความสำราญ

ผลลัพธ์ของความขัดแย้งกับขุนนางร่วมงาน ทำให้ขุนนางที่ใกล้ชิดฮ่องเต้มากกว่ากลั่นแกล้งกีดกันเขา ถังเสวียนจงเซ็นอนุมัติให้เขาไปอยู่ไกลหูไกลตา ไปเป็นเจ้าเมืองผิงหยวน

หัวเมืองผิงหยวนอยู่ไม่ไกลจากเขตอิทธิพลของอันลู่ซัน ซึ่งการรวบรวมกำลังเตรียมกบฏต่อราชวงศ์ถังในตอนนั้นส่งกลิ่นโชยมาแต่ไกล

จะว่าไปใครก็ได้กลิ่น เว้นเพียงฮ่องเต้ถังเสวียนจงที่รายล้อมด้วยสีสันพร่างพราวและรูปรสอันเริงรมย์

ที่หัวเหมืองผิงหยวน เหยียนเจินชิงยังคงเป็นขุนนางรักชาติ เขาคาดการณ์ว่าหากอันลู่ซันก่อการ เมืองผิงหยวนจะกลายเป็นแนวหน้าสำคัญ จึงตรวจสอบและเตรียมการป้องกัน แต่ปฏิบัติการครั้งนี้ต้องซ่อนเร้น เพราะด้วยฐานะและความโปรดปรานที่ฮ่องเต้มีให้ในตอนนั้น อันลู่ซันจะใช้การเมืองเขี่ยเขาออกจากตำแหน่งนั้นเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว

เหยียนเจินชิงจึงใช้ข้ออ้างว่าจะซ่อมแซมกำแพงเมืองเกณฑ์คนสะสมเสบียง แต่อีกด้านตนเองก็แสร้งทำตัวบันเทิงเริงรมย์กับแก๊งร่ำสุรา ร่ายบทกวี

อย่าว่าเหยียนเจินชิงหวาดระแวงเกินไป อันลู่ซันเตรียมทำการใหญ่ระดับพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เขาจึงได้ส่งคนมาตรวจสอบจริงๆ คนที่อันลู่ซันส่งมาดูลาดเลาเห็นเหยียนเจินชิงเป็นซะแบบนี้จึงไม่เอะใจ

ไม่นานนักอันลู่ซานก็ลุกฮือก่อกบฏ บ้านเมืองต้าถังที่มีสันติสุขมานานจนลืมเลือนการป้องกันศึกก็เข้าสู่สถานการณ์เละเทะทันที

24 หัวเมืองรายรอบเขตอิทธิพลของอันลู่ซันแทบทั้งหมดไม่คิดต่อสู้และยอมแพ้แทบหมดสิ้น แต่เหยียนเจินชิงรวบรวมกำลังพลแล้วเร่งรายงานถึงราชสำนักว่า “ข้าพระองค์ได้เตรียมก่อการในแนวหลังศัตรูให้พระองค์แล้ว” หลังรับข่าวสารนี้ฮ่องเต้ถังเสวียนจงดีใจเป็นที่สุด บันทึกประวัติศาสตร์กล่าวไว้ พระองค์เอ่ยออกมาว่า “เหยียนเจินชิงเป็นคนอย่างไรกันนะ ถึงองอาจกล้าหาญขนาดนี้!”

(ที่จริงพระองค์คือคนที่อนุมัติให้เหยียนเจินชิงไปอยู่ที่ผิงหยวนกับมือ เห็นได้ว่าก่อนหน้าทำไปโดยไม่รู้ว่าเหยียนเจินชิงเป็นคนอย่างไร ประโยคนี้แสดงให้เห็นความไม่ใส่ใจบ้านเมืองของฮ่องเต้ถังเสวียนจงได้อย่างดี)

ระหว่างนั้นอันลู่ซันส่งทูตพร้อมด้วยศีรษะเจ้าเมืองสามเมืองที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ตระเวนข่มขู่หัวเมืองต่างๆ แต่เมื่อมาถึงเมืองผิงหยวนของเหยียนเจินชิง เหยียนเจินชิงสั่งประหารทูตด้วยการตัดเอว ประกาศสงครามกับอันลู่ซันอย่างเต็มตัว พร้อมกันนั้นก็ฝังศีรษะเจ้าเมืองทั้งสามอย่างสมเกียรติ

วีรกรรมครั้งนี้ทำให้หัวเมืองที่เหลือเริ่มมีความหวังและถึงขั้นเปลี่ยนใจ ลุกขึ้นมาต่อต้านอันลู่ซันตามๆ กัน

เหยียนเก่าชิงซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเหยียนเจินชิงก็เป็นหนึ่งในนั้น เหยียนเก่าชิงคือหนึ่งในเจ้าเมืองที่ยอมจำนนในเบื้องต้น เพราะไม่เห็นทางต่อต้านอันลู่ซันซึ่งเตรียมการมาอย่างเต็มที่ อันลู่ซันยังให้บำเหน็จรางวัลเป็นแพรพรรณเสื้อผ้าชั้นดีแก่เหยียนเก่าชิง แล้วให้เหยียนเก่าชิงส่งลูกมาเป็นตัวประกัน จึงค่อยส่งให้เหยียนเก่าชิงกลับไปครองเมืองเดิมต่อไป

ระหว่างทางกลับจากการพบอันลู่ซัน เหยียนเก่าชิงเงียบงันตลอดทาง ยิ่งทบทวนก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ สักพักจึงหันไปหาลูกน้องแล้วชี้ไปที่เสื้อผ้าที่ตนสวมใส่ซึ่งได้รับมาจากอันลู่ซันว่า “ข้าจะใส่ชุดนี้ไปเพื่ออะไร!” คือคำพูดสั้นๆ ที่แฝงนัยยิ่งใหญ่

นัยยะที่แฝงไว้ก็คือ “ข้าจะลุกขึ้นต่อต้านมัน!”

เหยียนเก่าชิงอาศัยจังหวะอันลู่ซันไม่ทันตั้งตัวฆ่าขุนนางของอันลู่ซันสองคนทิ้งแล้วจับกุมไว้อีกคน ประกาศเปิดศึกกับอันลู่ซัน

ข่าวการลุกขึ้นต่อต้านอันลู่ซันของเหยียนเก่าชิงให้ความหวังกับชาวบ้านในหัวเมืองอื่นๆ เพิ่มเติม เหยียนเก่าชิงประสานงานกับเหยียนเจินชิงทันที

อันลู่ซันได้ยินข่าวนี้เข้ารู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง แนวหน้ายังไม่ถึงไหน จะให้หัวเมืองในแนวหลังแข็งข้อลุกลามไม่ได้ จึงรีบส่งขุนพลเอกสื่อซือหมิง (ชื่อ “กบฏอันสื่อ” ก็คือชื่อเรียกรวบของ อันลู่ซัน และสื่อซือหมิง นี่แหละครับ) มาปราบปรามเหยียนเก่าชิง ฝีมือของสื่อซือหมิงสมคำร่ำลือ เหยียนเก่าชิงประกาศต่อต้านได้เพียง 8 วัน กองกำลังของสื่อซือหมิงก็เข้าประชิดเมือง และเนื่องจากการตระเตรียมเมืองยังไม่เรียบร้อยดี กองกำลังที่จัดตั้งขึ้นมาก็ยังไม่ได้ฝึกฝนให้พร้อม แต่เหยีนเก่าชิงก็เลือกที่จะสู้สุดชีวิต สู้ยิบตาจนลูกธนูหมดเมือง กองกำลังอันลู่ซันจึงดำเนินการฆ่าล้างเมือง จนซากศพปวงประชาและทหารนับหมื่นกองพะเนิน

ในศึกครั้งนี้ คนในตระกูลเหยียนเก่าชิงตายในสนามรบไปกว่า 30 ชีวิต

แล้วผลงานลายมือฉบับนี้จึงบังเกิดขึ้น มันชื่อว่า “ร่างบทเซ่นสรวงหลาน” (祭侄稿)  อันเป็นบทไว้อาลัยหลานชาย ที่เสียชีวิตในศึกนี้

เหตุที่เป็นบทเซ่นสรวงหลานเพียงคนเดียว มิใช่ลูกพี่ลูกน้องหรือคนในตระกูลอื่นๆ ก็เพราะหลังจากที่เหยียนเจินชิงไปที่สนามรบ ในซากศพอันน่ารันทด ศพของคนตระกูลตนที่เขาพบก็มีเพียงศีรษะของหลานชายที่ชื่อเหยียนจี้หมิงเท่านั้น

ลายมือร่างบทเซ่นสรวงที่เขียนออกมานั้นไร้การประดับประดา ถึงขั้นส่งตรงจากความรัดทดโศกเศร้าและแค้นเคืองใจ ศึกสงครามครั้งนี้ไม่ควรเกิด และมันมีราคาที่เหยียนเจินชิงต้องจ่ายสูงลิบ นั้นคือชีวิตของคนในตระกูลกว่า 30 คน

นี่อาจชื่อว่า “ร่างบทเซ่นสรวงหลาน” แต่ที่จริงมันคือคำไว้อาลัยของคนในตระกูลเหยียนเก่าชิงผู้รักชาติ รักศักดิ์ศรียิ่งชีวี และมันคือผลงานอีกชิ้นที่มีคุณค่าทั้งในแง่ศิลปะและประวัติศาสตร์ของขุนนาง และศิลปินนักเขียนลายมือนามเหยียนเจินชิง

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

Not Found!(404)