ข้อควรระวังในการดื่มชา

ข้อควรระวังในการดื่มชา_fororder_20210218-1

ที่มารูปภาพ  www.pexels.com

แม้ว่าชาจะเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณประโยชน์มากมายเพียงใด แต่การดื่มชาก็เหมือนกับการกินยา ถ้ากินยาผิด นอกจากจะไม่ช่วยรักษาโรคแล้ว ยังนำโรคมาให้ได้ เช่นเดียวกัน ถ้าดื่มชาผิดนอกจากจะไม่ให้คุณแล้ว อาจจะนำโทษมาให้อีก ดังนั้นแม้ว่าคนจีนจะชอบดื่มชามากเพียงใดก็ยังต้องระมัดระวัง ไม่ดื่มชาสุ่มสี่สุ่มห้า  ซึ่งข้อควรระวังต่างๆ ในการดื่มชาของคนจีนมีดังนี้

ไม่ดื่มน้ำชาขณะท้องว่าง (饮茶忌空腹) เป็นที่ทราบกันดีว่า ใบชามีสารสำคัญตัวหนึ่งคือคาเฟอีน การดื่มชาในขณะท้องว่างทำให้ร่างกายดูดซึมคาเฟอีนเข้าไปในปริมาณที่มาก ปริมาณคาเฟอีนที่มากเกินไปจะทำให้ใจสั่น จิตใจล่องลอยและมือเท้าหมดแรง กระนั้นกลับมีความเชื่อว่าการดื่มน้ำชาตอนเช้าหลังตื่นนอนจะช่วยล้างท้อง ซึ่งความเชื่อดังกล่าวเป็นสิ่งผิดมหันต์ การดื่มชาหลังตื่นนอนในตอนเช้านอกจากจะไม่ช่วยล้างท้องแล้ว ยังจะเป็นการทำลายหรือกัดกระเพาะของคนเราอีก อย่าลืมว่าชามีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร การดื่มชาในขณะท้องว่างจึงทำให้ชาไปช่วยย่อยกระเพาะแทน

ไม่ดื่มน้ำชาค้างคืน (不要饮隔夜茶) น้ำชาที่ชงทิ้งไว้ค้างคืนได้สูญเสียสารสำคัญที่มีอยู่ในใบชาไปหมดแล้ว การดื่มน้ำชาค้างคืนจึงไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อร่างกาย ขณะเดียวกันน้ำชาค้างคืนอาจจะเสียหรือบูดแล้ว การดื่มน้ำชาที่บูดแล้วย่อมไม่ส่งผลดีต่อร่างกายแน่นอน

ไม่ดื่มน้ำชาที่ร้อนเกินไป (忌饮烫茶) คนจีนเชื่อว่าการดื่มชาร้อนๆ จะช่วยแก้กระหายได้ดีกว่าการดื่มชาที่เย็นแล้ว มีงานวิจัยกล่าวไว้ว่าอุณหภูมิความร้อนของน้ำชาที่ดื่มแล้วสามารถแก้กระหายได้ดีที่สุดอยู่ที่ 56 องศา หรือน้อยกว่านั้น น้ำชาที่อุณหภูมิร้อนกว่า 56 องศา หากดื่มเข้าไปแล้วนอกจากจะแก้กระหายได้ไม่ดีแล้ว ยังทำลายคอและกระเพาะอาหาร  หากกระเพาะอาหารถูกทำลายจะทำให้การดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี ซึ่งจะส่งผลที่ไม่ดีต่อร่างกายอีกเป็นลูกโซ่

ไม่ดื่มน้ำชาที่เย็นเกินไป (忌饮冷茶) จะเห็นว่าต่อให้สภาพอากาศร้อนเพียงใด คนจีนก็ยังเลือกดื่มชาร้อน ไม่เลือกดื่มชาเย็น มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าสาระสำคัญต่างๆ ที่มีอยู่ในใบชาจะออกฤทธิ์และทำปฏิกิริยากับน้ำร้อนได้ดีกว่าน้ำเย็น กอปรกับชาส่วนมากเป็นธาตุเย็น แม้จะดื่มชาร้อน แต่เมื่อดื่มลงไปสัก 10นาที อุณหภูมิภายในร่างกายจะลดลงประมาณ 1-2 องศา

ไม่ดื่มน้ำชาทันทีหลังจากกินข้าว (忌饮后立即饮茶) หลายคนรู้ว่าน้ำชาช่วยล้างไขมันอาหาร ดังนั้นหลังกินข้าวมักจะดื่มชาตามทันทีเพื่อจะได้ล้างไขมันได้ทันท่วงที แต่ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ผิด  การดื่มชาทันทีหลังจากมื้ออาหารนอกจากจะไม่ได้ล้างไขมันออกไปแล้ว น้ำชาจะยังไปรบกวนกระบวนการย่อยและการดูดซึมสารอาหาร ทำให้กระเพาะอาหารไม่ได้ย่อยและดูดซึมสารอาหารได้อย่างที่ควรจะเป็น

ไม่ควรชงดื่มหลายๆ น้ำ (忌饮冲泡数次过多) จำนวนครั้งที่ในการชงชาดื่มควรอยู่ที่ 2-3 ครั้งต่อใบชา12-20 กรัม น้ำแรกในการชงชา สารสำคัญที่อยู่ในใบชาออกมา 50% น้ำสองลดลงเหลือ 30%  น้ำสามจะเหลือแค่ 10% หากชงชามากกว่าสามครั้ง น้ำชาที่ได้จะไม่เหลือคุณค่าใดๆ ซึ่งจะลดประโยชน์ในการดื่มชาลงไปทันที อย่าลืมว่าการดื่มชาไม่เพียงเพื่อดับกระหาย แต่เป็นการดื่มเพื่อรักษาสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีน

และสุดท้ายควรดื่มชาในปริมาณพอเหมาะ (适当的饮茶度量) ตำราการแพทย์จีนโบราณที่ชื่อว่าเปิ่นเฉ่าชื่ออี๋(本草拾遗)ได้บันทึกไว้ว่าการดื่มชาเป็นระยะเวลานานจะทำให้น้ำหนักลดลง หรือการดื่มชาหลังจากการรับประทานอาหารมันๆ จะช่วยละลายไขมันและย่อยอาหาร สิ่งเหล่านี้แม้ว่าจะเป็นคุณประโยชน์ของการดื่มชา แต่การดื่มชาในปริมาณที่มากเกินไปก็นำโทษมาให้ได้ ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับคนปกติทั่วไปคือปริมาณ 12 กรัมต่อวัน และชงดื่มแค่ 2-3 น้ำเท่านั้น แต่หากเป็นนักกีฬาหรือบุคคลที่ใช้แรงงานเยอะสามารถดื่มชาในปริมาณ 20 กรัมต่อวัน หากดื่มชาในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้อารมณ์หงุดหงิด เป็นกังวลง่าย หัวใจเต้นแรงและนอนไม่หลับ หากร้ายแรงกว่านั้นจะส่งผลต่อระบบย่อยอาหารและความอยากอาหาร

โทษจากการดื่มชาแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้เมื่อสะสมนานวันเข้าก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ จุดมุ่งหมายในการดื่มชาก็เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ดังนั้นก่อนการดื่มชาก็ต้องรู้ข้อควรระวังต่างๆ เหล่านี้เสียก่อน เพื่อประโยชน์สูงสุดจากการดื่มชา กอปรกัน‘ชา’จะได้ไม่กลายเป็นเครื่องดื่มที่ให้โทษ

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

Not Found!(404)