2022-02-15 13:47
เมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลสหรัฐฯประกาศรายงาน “ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกแห่งสหรัฐฯ” ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความคิดสงครามเย็นและการเมืองทางกลุ่มบริษัท ไม่มีเนื้อหาใหม่ มีแต่เจตนาร้าย เป็นพยานแสดงให้เห็นอีกครั้งว่า นักการเมืองสหรัฐฯมุ่งหวังให้โลกนี้ประสบกับความปั่นป่วน
จากการดำเนิน “แผนขยายอิทธิพลในแปซิฟิก” จนถึงการสร้างกลไก 4 ประเทศระหว่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดียและออสเตรเลีย ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนด้านความปลอดภัยระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษและออสเตรเลีย และผ่านญัตติว่าด้วยการแข่งขันแห่งสหรัฐฯประจำปี 2022 รวมทั้งประกาศยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกฉบับใหม่ ทั้งหมดนี้แสดงว่าสหรัฐฯใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการสร้างพันธมิตรที่แฝงเป้าหมายเชิงลบต่อประเทศจีน สรุปง่ายๆคือ ยับยั้งการพัฒนาของจีนและรักษามหาอำนาจของสหรัฐฯ เป็นเป้าหมายปลายทางของยุทธศาสตร์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ความคิดในการสร้างยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกจะสามารถประจักษ์เป็นจริงหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความปรารถนาของสหรัฐฯ หากขึ้นอยู่กับสภาพความเป็นจริงของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่มีนโยบายทางการทูตที่ยืนหยัดความเป็นเอกราช และได้มีความชัดเจนกับวัตถุประสงค์ของตน จากการช่วยเหลือวัคซีนต้านโควิดและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จีนแสดงออกให้เห็นเป็นโอกาสและหุ้นส่วนแท้จริงของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปัจจุบัน พร้อมกับการดำเนินข้อตกลง RCEP อย่างเป็นทางการ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังต้อนรับโอกาสการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ เกือบไม่มีประเทศใดยอมเสียผลประโยชน์ของตนและถูกสหรัฐฯ บังคับมารบกับจีน
ไม่ว่าสหรัฐฯจะโน้มน้าวอย่างไรที่จะสร้างอินโดแปซิฟิกที่มีอิสระ เปิดเผยและเจริญรุ่งเรือง ล้วนไม่สามารถบิดเบือนวัตถุประสงค์แท้จริงที่มุ่งใช้พันธมิตรยับยั้งประเทศจีน ความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องการประเทศในภูมิภาคนี้มีความสามัคคีและร่วมมือกัน แทนที่จะตั้งตัวเป็นปรปักษ์กัน เวลาจะเป็นเครื่องยืนยันที่แสดงให้เห็นว่า ยุทธศาสตร์ที่มุ่งผลประโยชน์ของตนและเห็นแก่ตัว ย่อมจะประสบความล้มเหลว ประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียแปซิฟิกจะมีสิทธิ์ออกเสียงสำหรับอนาคตของบ้านเกิดตนเองมากกว่า
Yim/Ping/Cai