2022-03-23 14:59
เมื่อเร็วๆนี้ นายแฟรงคลิน ซี.สปินนีย์ อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ เป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดในกรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
ตามที่นายสปินนีย์วิเคราะห์ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน เป็นผลมาจากการยักยอกทางการเมือง สหรัฐฯ ผู้ริเริ่มวิกฤตในยูเครน ไม่เพียงแต่ทำเงินได้มากมายจากอุตสาหกรรมทหารของตนเท่านั้น แต่ยังปรามรัสเซียด้วยการคว่ำบาตรที่ทวีความรุนแรงขึ้น ขัดขวางการแสวงหาเอกราชทางยุทธศาสตร์ของยุโรป และได้ขยายอำนาจบาตรใหญ่ของอเมริกันเข้าด้วยกัน
วิกฤตการณ์ในยูเครนได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า สหรัฐฯ"อยู่เบื้องหลัง"ความวุ่นวายของโลก "มือลึกลับ"นี้ละเลยความรับผิดชอบที่พึงมีของตน และเริ่มปัดความผิดของตนไปให้ผู้อื่นอีก
เมื่อไม่นานมานี้ นิวยอร์คไทมส์ได้เผยแพร่ข่าวเท็จซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า จีน"ได้รับแจ้ง" เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียล่วงหน้า และ "ขอให้รัสเซียดำเนินการหลังจากโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่ง" หลังการตรวจสอบจากสื่อ "เจ้าหน้าที่อาวุโสนิรนาม"ที่หนังสือพิมพ์ดังกล่าวอ้างถึงนั้น ก็มาจากทำเนียบขาว นักการเมืองอเมริกันและสื่อมวลชนที่ร่วมมือกันแต่งเรื่องขึ้น พยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ ตำหนิจีน แบ่งแยกจีนและรัสเซีย สภาพแบบนี้ทั่วโลกต่างคุ้นเคย
เมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพบว่าหากสหรัฐฯ ไม่สนับสนุนการขยายตัวทางตะวันออกของนาโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ส่งอาวุธไปยังยูเครน และไม่พยายามกัดเซาะพื้นที่เชิงกลยุทธ์ของรัสเซียอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ในยูเครนคงมาไม่ถึงสภาพเลวร้ายในทุกวันนี้ รัสเซียจะถูกบังคับให้ใช้มาตรการตอบโต้ทางทหารหรือไม่? ตอนนี้ผู้เริ่มก่อวิกฤตได้อ้างว่า รัสเซียได้รับ "การสนับสนุน" จากประเทศจีนด้านการทหาร ซึ่งทำให้ขาวและดำกลับกันไปหมด
ผู้ราดน้ำมันใส่กองไฟเป็นผู้โจมตีและทำให้ชื่อเสียงของผู้ที่พยายามดับไฟเสียหายนั้น ถือเป็นผู้ที่ไร้ความรับผิดชอบและน่ารังเกียจอย่างยิ่ง ทั่วโลกย่อมเห็นได้อย่างชัดเจนว่า "ประเทศแห่งการโกหก" ที่กำลังฉวยโอกาสนี้ใส่ร้ายผู้อื่น และเปิดแชมเปญเพื่อเฉลิมฉลองความสมหวังของตน เป็นผู้ที่ทำให้ยูเครนตกอยู่ในวิกฤตนี้นั่นเอง
Yim/Lei/Cui