โฆษกดังไต้หวัน ตอบโต้ “คำพูดใส่ร้ายจีน” ของรอง ปธน.สหรัฐฯ

CRI2018-10-08 14:54:51

หนังสือพิมพ์ไชน่า ไทมส์ (China Times) ของไต้หวันฉบับประจำวันที่ 7 ตุลาคม ได้ลงตีพิมพ์บทวิจารณ์ของ น.ส. หวง จื้อเสียน ผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ของไต้หวัน เรื่อง “การตอบโต้นายไมค์ เพนซ์ รอง ปธน.สหรัฐฯ”  ซึ่งมีใจความดังต่อไปนี้

เนื่องในโอกาสการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้พูดถึงจีนในทางลบ ซึ่งสหรัฐ และจีน ถือเป็นประเทศฉันมิตร ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่ง

ผู้ดำเนินรายการชื่อดังของไต้หวันมองว่า สิ่งที่นายไมค์ เพนซ์ พูดอาจเกิดการการไม่รู้ประวัติศาสตร์ทั้งหมด หรือ เลี่ยงที่จะไม่พูด โดยยืนยันว่าจีนมีเจตนาดีกับสหรัฐฯ มาโดยตลอด

ในประวัติศาสตร์ เมื่อจีน-สหรัฐฯ ร่วมมือกัน ก็จะมีส่วนส่งเสริมสันติภาพของมวลมนุษยชาติเสมอ โดยสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้รับประโยชน์จำนวนมหาศาล สมัยที่จีนถูกรุกรานโดยมหาประเทศและแบ่งแยกดินแดนนั้น สหรัฐฯ เองก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยได้เขตเช่าเขตหนึ่งที่นครเทียนจิน พร้อมกับชาติอื่น ต่อมาก็ถ่ายโอนให้กับอังกฤษอย่างเงียบๆ

สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนที่ญี่ปุ่นรุกรานจีน ในยามที่จีนตกอยู่ในภาวะอันตรายมากที่สุด สหรัฐฯ ยังคงร่วมมือกับญี่ปุ่น จนในที่สุดญี่ปุ่นจู่โจมเพิร์ล ฮาร์เบอร์ สหรัฐฯ จึงประกาศสงครามกับญี่ปุ่น จากหลายเหตุการณ์แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ไม่เคยปฏิบัติหรือช่วยเหลือจีนตามหลักเหตุผลแต่อย่างใด

ในข้อตกลงยัลต้า (Yalta Agreement) สหรัฐฯ กับชาติอื่นขายผลประโยชน์ของจีน เห็นได้จากกรณีเกาะเตี้ยวหยู ซึ่งเป็นดินแดนดั้งเดิมของจีน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ก็ควรให้ญี่ปุ่นคืนให้จีนพร้อมๆ กับการคืนไต้หวันให้จีน แต่สหรัฐฯ กลับมอบหมายให้ญี่ปุ่นเป็นผู้มีสิทธิ์บริหารเกาะเตี้ยวหยู ส่วนกรณีหน่วย 731 ( Unit 731) หรือที่ถูกเรียกว่าโรงงานแห่งความตายรุกรานจีนนั้น สหรัฐฯ ก็ไม่เคยลุกขึ้นมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับจีนเนื่องจากได้รับผลการทดสอบทางห้องแลปจากญี่ปุ่น

มาถึงสมัยนี้แม้จีนอาจยังไม่สมบูรณ์พร้อมในด้านต่างๆ แต่หลังดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นต้นมา ได้สร้างความมั่งคั่งให้กับประชากรจำนวน 1,400 ล้านคน ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ และความผาสุกของจีนในทุกวันนี้ ไม่ได้มาจากการรุกรานและการล่าอาณานิคม หากมาจากความฉลาด ความเสียสละ และความขยันหมั่นเพียรของประชาชนจีนเอง

ส่วนสหรัฐฯ นั้น ยังคงเป็นฝ่ายได้รับประโยชน์จากเส้นทางการต่อสู่ของจีนอีกมาก เห็นได้จากกรณีไอโฟน ซึ่งลูกค้า 30% เป็นชาวจีน ไอโฟนเครื่องหนึ่งราคา 300 ดอลล่าร์ จีนได้ค่าแรงประกอบติดตั้งเครื่องเพียง 10 ดอลล่าร์เท่านั้น ส่วนสหรัฐฯ ได้ส่วนแบ่งกว่า 200 ดอลล่าร์

อารยธรรมของมวลมนุษยชาติ มีวิวัฒนาการที่ต่างกัน จีนในสมัยนี้แม้จะแข็งแกร่งขึ้น แต่ยังคงมีความเหลื่อมล้ำกับสหรัฐฯ ยังคงต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพื่อสร้างความผาสุกแก่ประชาชนและสร้างความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้น หลักบรรทัดฐานในการประเมินจีนนั้น ไม่ควรอิงมาตรฐานของสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่เข้าใจว่า สหรัฐฯ มุ่งจะเป็นอันดับ 1 ในโลก จึงมักจะคิดในแง่ลบต่อความเข้มแข็งที่เพิ่มขึ้นของจีนเสมอ ตอนนี้สหรัฐฯ ทำการปิดล้อมจีนหลากหลายมติและทุกระดับเพื่อยับยั้งจีน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด เพราะเชื่อว่า พระเจ้าจะไม่ยินดีกับการเห็นแก่ตัว และการกดขี่ผู้อื่นของสหรัฐฯ หรือมหาอำนาจอื่น หากจะยินดีกับ “การสร้างความสำเร็จให้กับตัวเอง และอำนวยประโยชน์แก่ผู้อื่น” ของจีน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ

(BO/LING/CAI)

Not Found!(404)