เมื่อปีที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ปธน.จีนพบปะกับนายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติและกล่าวว่า ปัจจุบัน ลัทธิกีดกันทางการค้าและการกระทำเพียงฝ่ายเดียวกำลังส่งผลกระทบต่อระเบียบระหว่างประเทศ โลกนี้ต้องการพหุภาคีมากกว่าอดีต และต้องการสหประชาชาติที่มีพลัง เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นพหุภาคี

ด้านนายแอมานุแอล มาครง ปธน. ฝรั่งเศสก็แสดงความเห็นว่า พหุภาคีเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับความท้าทายระดับโลก  มีแต่เลือกเส้นทางนี้เท่านั้นจึงจะสามารถสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนและโลกใบนี้จะมีความปลอดภัย นายมาครงยังเห็นว่า สหประชาชาติมีความเป็นกลางในการรักษาความสมดุลของโลก

เพราะฉะนั้น จีนกับฝรั่งเศสจึงมีความเห็นพ้องต้องกันในการรับมือกับปัญหาต่างๆของโลก โดยเฉพาะในด้านการยืนหยัดความเป็นพหุภาคี การมีความรับผิดชอบ จีนในฐานะที่เป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์จากกระบวนการโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ  ปธน.สี จิ้นผิงได้ประกาศข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และกว่า 150 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศได้เข้าร่วม เมื่อปี 2018 นายแอมานุแอล มาครง ปธน. ฝรั่งเศสเดินทางเยือนจีนไปถึงเมืองซีอัน เคยกล่าวว่าการที่ฝรั่งเศสเข้าร่วม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เป็นการได้รับชัยชะนะร่วมกัน

ในประเด็นนิวเคลียร์อิหร่าน หลังจากที่สหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลงแล้ว จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย เยอรมนีและอังกฤษ ต่างประกาศว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่ได้มาไม่ง่ายจริงๆ ตลอดจนสหภาพยุโรปได้เปิดช่องทางชำระเงินพิเศษ เพื่อคุ้มครองการค้าระหว่างบริษัทยุโรปกับอิหร่าน หลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ  จีนขอชื่นชมต่อประเทศยุโรปในปฏิบัติการดังกล่าว  อนึ่ง เมื่อเร็วๆนี้ นายมาครงยังระบุว่า ไม่มีประเทศไหนสามารถกำหนดระเบียบสากลใหม่ได้ ฝรั่งเศสจะปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเหมือนที่จีนได้ปฏิบัติ

Yim/lei/Zheng