หมู่บ้านชนเผ่าเซอซินเย่ว์ (新月畲族村) เมืองฝู่โจว มณฑลเจียงซี ตั้งอยู่ในพื้นรอยต่อระหว่างมณฑลเจียงซีและมณฑลฝูเจี้ยน แต่เดิมเป็นหมู่บ้านชนเผ่าที่ยากจนและไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงเป็น “หมู่บ้านชนเผ่าที่มีเอกลักษณ์พิเศษระดับชาติ” ที่มีความมั่งคั่งและชื่อเสียงมาก ด้วยการส่งเสริมกิจการท่องเที่ยวชนบทที่มีระบบนิเวศที่ดีและวัฒนธรรมของชนเผ่าเซอ รวมถึงกิจการเพาะปลูกกล้าไม้ ทำให้พี่น้องชาวบ้านที่นี่กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า นางหลัน เนี่ยนอิง (兰念瑛, Lan Nianying) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำหมู่บ้านฯ เป็นผู้มีความดีความชอบมากที่สุด ชาวบ้านที่นี่จึงเรียกเธออย่างสนิทสนมเป็นกันเองว่า “จ่าบ้าน” หรือ “จ่างฝูงในขบวนห่าน” ผู้สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้แก่หมู่บ้าน นอกจากนี้ เธอยังถูกเรียกว่าเป็น “หงส์ทองชนเผ่าเซอ” (畲族金凤凰) อีกด้วย
นางหลัน เนี่ยนอิงเป็นเจ้าของรางวัลการแก้ปัญหาความยากจนระดับชาติ และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ ในปี 2015 นางหลัน เนี่ยนอิงมีโอกาสรายงานผลการแก้ไขปัญหาความยากจนต่อนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนระหว่าง “การประชุมสองสภา” ที่มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เธอมีความภาคภูมิใจมาก
เรามาทำความรู้จักกับสภาพหมู่บ้านชนเผ่าเซอซินเย่ว์กันก่อน หมู่บ้านแห่งนี้ห่างจากตัวอำเภอ 17 กิโลเมตร ทั้งหมู่บ้านมี 117 ครัวเรือน มีประชากรทั้งหมด 417 คน แม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ที่นี่ก็สามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้ภายใต้การนำของนางหลัน เนี่ยนอิง ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดา
ชนเผ่าเซอ (畲族, She ethnic group, the she nationality) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งของจีน มีประชากรค่อนข้างน้อย สถิติจากทางการจีนระบุว่า ประชากรชนเผ่าเซอ ในปี 2010 มีทั้งหมด 708,651 คน ชนเผ่าเซอมีภาษาของตัวเอง คือ ภาษาเซอ ซึ่งคล้ายกับภาษาฮักกามากถึง 99%
นางหลัน เนี่ยนอิง เกิดเดือนตุลาคม ปี ค.ศ.1958 เมื่อตอนอายุได้ 11 ขวบ เธอพร้อมกับพ่อแม่ย้ายจากมณฑลเจ้อเจียงมาอยู่ที่หมู่บ้านชนเผ่าเซอซินเย่ว์ ต่อมาปี ค.ศ.1982 ในวัย 24 ปี เธอนำกล้าสมุนไพร “จื่อเขอ” หรือ “ส้มขม” (枳壳, Citrus aurantium L.) จากมณฑลเจ้อเจียงมาเพาะกล้า พร้อมกับค้นหาครูและผู้เชี่ยวชาญ และใช้ความเพียรพยายามในการฝึกทักษะการเพาะปลูก นางหลัน เนี่ยนอิงได้รับ “ทองถังแรก” ในชีวิต กลายเป็น “ผู้มีเงินหมื่นหยวน” คนแรกของหมู่บ้าน เมื่อสามสี่สิบปีก่อนเป็นช่วงแรกเริ่มการปฏิรูปเปิดประเทศ “คนที่มีเงินหมื่นหยวน” ถือเป็น “เศรษฐี” หรือ “เศรษฐีหมื่นหยวน”
นางหลัน เนี่ยนอิง เมื่อเป็นผู้ร่ำรวยขึ้นมา ก็ไม่ได้หลงลืมพี่น้องประชาชนที่ยังคงอยู่ในความยากจน เธอถ่ายทอดวิธีปลูกกล้าไม้ให้กับชาวบ้าน พร้อมกับช่วยหาช่องทางจำหน่าย ต่อมาปี ค.ศ.1995 นางหลัน เนี่ยนอิงในวัย 37 ปี ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการชาวบ้านของหมู่บ้านซินเย่ว์ นับจากนั้น ภายใต้การนำของนางหลัน เนี่ยนอิง หมู่บ้านซินเย่ว์ได้เติบโตขึ้นเป็น “หมู่บ้านกล้าไม้” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทุกหนแห่งทั้งใกล้ไกล มีการจำหน่ายกล้าไม้ไปยังมณฑลเจ้อเจียง นครเซี่ยงไฮ้ มณฑลฝูเจี้ยน และมณฑลอันฮุย นอกจากนี้ พี่น้องชาวบ้านที่ชำนาญด้านการเพาะกล้าไม้ยังได้เดินทางไปทำสวนป่าเพาะกล้าไม้ที่กรุงปักกิ่ง มณฑลกุ้ยโจว และเมืองเฉิงตูอีกด้วย อีกทั้งยังมีการสร้างแบรนด์ “กล้าไม้ซินเย่ว์” ตามชื่อของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นยี่ห้อที่คุ้นหูคุ้นตาในตลาดกล้าไม้ทั่วประเทศ
นางหลัน เนี่ยนอิงได้รับความเชื่อถือจากพี่น้องชาวบ้าน จึงได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการหมู่บ้าน (village committee) ซินเย่ว์ต่อเนื่องกัน 2 สมัย จากนั้นเธอได้รับคัดเลือกเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำหมู่บ้านฯ ต่อเนื่องกัน 3 สมัย นอกจากนี้ใน ปี ค.ศ. 2008 2013 และ 2018 เธอยังได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 11 ชุดที่ 12 และชุดที่ 13 ตามลำดับ
ในที่ประชุม “สองสภา” เช้าวันที่ 6 เดือนมีนาคมปี 2015 หรือ เมื่อ 4 ปีก่อน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ย้ำขณะร่วมการพิจารณาตรวจสอบพร้อมกับคณะผู้แทนมณฑลเจียงซีว่า จะไม่ให้ประชาชนในเขตเก่าสมัยการปฏิวัติตกหล่นจากการสร้างสังคมมีกินมีใช้ทุกด้านเป็นอันขาด โดยจะทำให้ประชาชนในเขตดังกล่าวเข้าถึงสังคมมีกินมีใช้พร้อมกับประชาชนทั่วประเทศ
นางหลัน เนี่ยนอิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำหมู่บ้านชนเผ่าเซอซินเย่ว์ เมืองฝู่โจว มณฑลเจียงซี สมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน ยังจำเรื่องราวขณะที่เธอกล่าวรายงานผลงานการขจัดปัญหาความยากจนได้ว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดี ได้ซักถามรายละเอียดต่าง ๆ มากมายด้วยความเอาใจใส่หลายครั้ง
“ประธานาธิบดีนั่งอยู่ตรงหน้าดิฉัน ห่างกันไม่เกิน 3 เมตร” นางหลัน เนี่ยนอิงหวนรำลึกถึงการพบปะกับประธานาธิบดีจีนในปีนั้น ด้วยสีหน้ามีความสุขเป็นพิเศษ
“ในเวลานั้นดิฉันมีความรู้สึกว่า เป็นการพบปะแบบตัวต่อตัว โดยไม่มีระยะห่างระหว่างเลขาธิการใหญ่ของพรรคฯ กับเลขาธิการพรรคฯ ประจำหมู่บ้านระดับรากหญ้าเลยก็ว่าได้”
“ดิฉันเป็นเลขาธิการฯ ที่เล็กที่สุด เขาเป็นเลขาธิการฯ ที่ใหญ่ที่สุด”
สิ่งที่ทำให้นางหลัน เนี่ยนอิงรู้สึกทึ่งกว่านั้นคือ เมื่อเธอนั่งลงบนเก้าอี้ “เลขาธิการฯ ใหญ่ที่สุด” ได้พูดกับเธอ ซึ่งอยู่ในชุดประจำเผ่าว่า “เธอเป็นชนเผ่าเซอ” คำพูดที่คาดไม่ถึงนี้ทำให้เธอตื่นเต้นมาก เธอเล่าความรู้สึกตอนนั้นว่า “ดีใจมากจริงๆ ที่เลขาธิการฯ ใหญ่พริบตาเดียวก็รู้ว่าดิฉันเป็นชนเผ่าเซอ ทั้งยังบอกกับสมาชิกสภาฯทั้งหลายว่า ชนเผ่าเซอกระจัดกระจายอยู่ในมณฑลฝูเจี้ยน เจ้อเจียง เจียงซี และกว่างตง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เรื่องชนกลุ่มน้อยนั้น ท่านรู้เหมือนหลับตาเห็น”
ทั้งนี้ เนื่องจากนายสี จิ้นผิงเคยเป็นผู้บริหารในมณฑลฝูเจี้ยนและเจ้อเจียงมาก่อน และมณฑลฝูเจี้ยนมีประชากรชนเผ่าเซอมากที่สุดในประเทศ
หมู่บ้านชนเผ่าเซอซินเย่ว์ตั้งอยู่ในเทือกเขาอู่อี๋ซานพื้นที่รอยต่อระหว่างมณฑลเจียงซีและมณฑลฝูเจี้ยน มีระบบนิเวศทางธรรมชาติดี ทรัพยากรป่าไม้อุดมสมบูรณ์ นางหลัน เนี่ยนอิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำหมู่บ้านฯ สมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน ได้กล่าวรายงานผลงานการขจัดปัญหาความยากจนโดยอาศัยระบบนิเวศที่ดีและการท่องเที่ยว เธอกล่าวความรู้สึกตอนนั้นว่า “ตอนที่ดิฉันกล่าวนั้น ท่านเลขาธิการฯ ใหญ่ถามคำถามแทรกอยู่หลายครั้ง และยังถามด้วยความเอาใจใส่ว่า การท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้ทำหรือไม่? ทางด่วนเปิดบริการหรือยัง? มองออกว่าท่านเอาใจใส่ภาคการผลิตและการใช้ชีวิตของชนกลุ่มน้อยเป็นอย่างยิ่ง”
ระหว่างการกล่าวรายงานเป็นเวลา 5 นาที นางหลัน เนี่ยนอิงได้ระบุถึงโครงการเส้นทางรถไฟจี๋อัน-จือซี-ภูเขาอู่อี๋ซาน ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญตลอดเส้นทางรถไฟ จึงทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวเติบโตได้อีกมาก โดยจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้แก่พี่น้องประชาชนที่อยู่ริมทางรถไฟ
ส่วนนายสี จิ้นผิงได้ระบุถึง “หนันเฟิงมี่จวู๋ (南丰蜜桔,Nanfengmiju)” หรือ “ส้มน้ำผึ้งอำเภอหนันเฟิง” เมืองฝู่โจว มณฑลเจียงซีว่า “ส้มน้ำผึ้งของหนันเฟิงอร่อยมาก” ส้มน้ำผึ้งจากอำเภอหนันเฟิงนี้เคยเป็นของถวายฮ่องเต้นับแต่ 2,000 กว่าปีก่อน ปัจจุบันขายดิบลายดีทั่วประเทศ รสหวานดั่งน้ำผึ้งมีปริมาณวิตามินซีมากกว่าแอปเปิล 6-20 เท่า
นางหลัน เนี่ยนอิงเล่าว่า เธอนั่งตรงหน้านายสี จิ้นผิงพอดี จึงมีโอกาสแลกเปลี่ยนผ่านแววตาหลายครั้ง “ท่านเลขาธิการใหญ่มีความใกล้ชิดมาก มักจะยิ้มให้กับดิฉัน ท่านน่ารักมาก ติดต่อกับพวกเราอย่างกันเอง ในช่วงแรกของการรายงานต่อหน้าท่าน ดิฉันมีความเครียดเล็กน้อย พอถึงช่วงหลังเวลารายงานก็ไม่เครียดอีกแล้ว”
หลังจับมืออำลาภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมพิจารณาตรวจสอบของคณะผู้แทนมณฑลเจียงซีในวันเดียวกัน นางหลัน เนี่ยนอิงถือโอกาสมอบผ้าพันพอที่มีการปักลายหงส์ผืนหนึ่ง ซึ่งเป็นสินค้าของฝากจากท้องถิ่น ให้แก่นายสี จิ้นผิง
ทันใดนั้น นายสี จิ้นผิงบอกกับเธอว่า ลายหงส์ที่ปักบนผ้าพันคอเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชนเผ่าเซอ สวยมาก และเป็นมงคงยิ่ง “น้ำใจนี้ผมรับแล้ว แต่ของขวัญชิ้นนี้ผมรับไว้ไม่ได้” นายสี จิ้นผิงกล่าวเช่นนี้ พร้อมกับอวยพรให้ทำกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในหมู่บ้านเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้น
(TIM/LING)