วันที่ 24 เมษายน ผู้นำต่างชาติที่มาเข้าร่วมฟอรั่มความร่วมมือระหว่างประเทศ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ครั้งที่ 2 ทยอยกันเดินทางถึงกรุงปักกิ่ง วันเดียวกันที่มหาศาลาประชาชน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนพบเจรจากับนายเซบาสเตียน ปิเญรา ประธานาธิบดีชิลี
นายสี จิ้นผิงพูดถึงการสร้างสถิติ “ครั้งแรก” หลายประการที่จีนกับชิลีร่วมกันสร้างขึ้น เช่น ชิลีเป็นประเทศอเมริกาใต้ประเทศแรกที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน เป็นประเทศทวีปอเมริกาแรกที่ยอมรับฐานะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจการตลาดเต็มรูปแบบของจีน และเป็นประเทศแรกในทวีปอเมริกาที่ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับจีน และบรรลุการยกระดับการค้าเสรีด้วย
นายเซบาสเตียน ปิเญรา วัย 70 ปี เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีชิลีมาแล้วหนึ่งสมัยระหว่างปี 2010 – 2014 หลังจากชนะการเลือกตั้งปธน.อีกสมัยเมื่อปี 2017 เขาก็ได้แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะกระชับความร่วมมือกับจีนในวาระตำแหน่งของตนเอง โดยในปี 2018 ชิลีกับจีนลงนามบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินความร่วมมือเพื่อร่วมสร้างสรรค์ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”
ชิลีมีเสียงตอบรับเจตนารมณ์ “เส้นทางสายไหม” อย่างแข็งขันโดยตลอด และเป็นประเทศที่อยู่ในระดับแนวหน้าในด้านการแลกเปลี่ยนนโยบาย เชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐาน มีการค้าสะดวกราบรื่น เงินทุนไหลเวียนอย่างคล่องแคล่ว และหัวใจของประชาชนก็เชื่อมโยงกันกับจีน ขณะเดียวกัน ก็ได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่องจากการดำเนินความร่วมมือกับจีน ไวน์กับเชอร์รี่และสินค้าอื่นๆ ของชิลีหลายชนิด นับวันเป็นที่นิยมชมชอบจากผู้บริโภคจีนจำนวนมากยิ่งขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์ Made in China ที่มีคุณภาพสูง ใช้ได้สะดวกสบายและมีความได้เปรียบด้านเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก็ได้รับเสียงชื่นชมระดับสูงจากรัฐบาลและประชาชนชิลี ทำให้ชิลีกับจีน ซึ่งเป็น 2 ประเทศที่อยู่คนละฟากฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่ได้รู้สึกว่าห่างไกลกัน “สุดขอบฟ้า” เหมือนเช่นเคย
yim/feng/zi