หัวเหวยเผยกลยุทธ์เดินต่อจับมือทั่วโลก (2)

CRI2019-06-12 10:06:56

图片默认标题_fororder_20190612hw-1

นายเหรินเจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเหวย ปีนี้อายุ 75 ปี หลายปีก่อนเคยผ่าตัดสองครั้งเนื่องจากโรคมะเร็ง เป็นคนที่ชอบอยู่เงียบๆ ไม่เคยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ไม่เคยจัดแถลงข่าวด้วยตนเอง เขาคิดว่าชีวิตนี้อาจจะอยู่อย่างสบาย และสงบตลอดไป 

แต่ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา  เขาต้องออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวจากสื่อใหญ่ ๆ ทั้งจากจีน อังกฤษ สหรัฐฯ และเยอรมนี

มีผู้สื่อข่าวถามลุงเหรินเจิ้งเฟยว่า คุณเคยกล่าวว่าไม่อยากเป็นผู้กระทำโดยลำพังฝ่ายเดียว แต่ต้องการความร่วมมือจากทั่วโลก และเวลานี้ คุณก็กล่าวว่าหัวเหวยมีการเตรียมพร้อมรับมือกับสหรัฐฯ ผมจึงเข้าใจว่า การกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน กำลังทำลายห่วงโซ่การตอบสนองผลิตภัณฑ์ทั่วโลก ทำให้ตลาดโลกเกิดความวุ่นวาย

ประการที่สอง ช่วงที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีข้อสงสัยต่อการบริหารบริษัทของหัวเหวย และปัญหาการบัญชี เป็นต้น คุณคิดว่าเหตุใดสหรัฐฯ จึงพยายามที่จะต่อสู้กับหัวเหวย

นายเหริน เจิ้งเฟยตอบว่า นักการเมืองสหรัฐฯ คิดยังไงผมก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่า สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นคือ เราถูกสหรัฐฯ โจมตีเพราะเทคโนโลยีของเรานำหน้าในระดับโลก ระบบ 5G ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ แต่เป็นสิ่งที่สร้างความผาสุกให้กับโลกมนุษย์

ปริมาณบรรจุ 5G คิดเป็น 20 เท่าของ 4G และเป็นหมื่นเท่าของ 2G ลดการใช้ไฟฟ้าลง 10 เท่าเมื่อเทียบกับ 4G    สถานีส่งสัญญาณ 5G มีเพียง 20 กิโลกรัมเท่านั้น เหมือนกับกระเป๋าเดินทางที่สามารถพาไปไหนก็ได้ ไม่ต้องการสร้างเสาส่งสัญญาณขนาดใหญ่อีกแล้ว สามารถเอาไปติดตั้งบนเสาไม้หรือผนังกำแพงตามใจชอบ เรายังใช้วัสดุทนทานต่อการกัดกร่อน ซึ่งสามารถใช้ได้นานหลายสิบปี จึงสามารถเอาไปวางในท่อระบายน้ำเสียได้ด้วย ความสะดวกอย่างนี้เหมาะกับประเทศยุโรป เพราะว่าในยุโรปมีเขตเมืองเก่าแก่จำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถสร้างเสาส่งสัญญาณขนาดใหญ่เหมือนจีน แต่ในจีนก็ทำได้ง่ายๆ เช่นกัน คือเราไม่ต้องสร้างเสาส่งสัญญาณใหม่อีกแล้ว เราสามารถนำตู้  5G ไปติดตั้งบนเสาส่งสัญญาณที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างสบาย

图片默认标题_fororder_20190612hw-2

ในประเทศยุโรป ค่าใช้จ่ายการติดตั้งตู้  5G จะลดน้อยลงประมาณ 10,000 ยูโร วิธีการติดตั้งง่ายมาก ไม่ต้องปิดถนนเพื่อให้รถปั้นจั่นเข้าไปติดตั้งเสาส่งสัญญาณขนาดใหญ่ นอกจากนั้น ราคาการชมทีวีระบบ 8k ก็จะถูกลงอย่างมาก สื่อมวลชนท้องถิ่นบอกว่าค่าใช้จ่ายจะลดลง 10 เท่า แต่ที่จริงแล้ว ถ้าระบบสมบูรณ์แบบ จะลดค่าใช้จ่าย 100 เท่า ทำให้ชาวบ้านทั่วไปสามารถชม HDTV อย่างสบาย นอกจากนั้น 5G ยังจะใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตหลายด้าน เป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคม

สำหรับปัญหาที่ว่า ระเบียบตลาดโลกจะถูกทำลายหรือไม่ ผมคิดว่าไม่ เพราะประเทศยุโรปคงไม่เดินตามสหรัฐฯ และบริษัทสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ยังรักษาการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับเรา

อีกเรื่องที่นายเหริน เจิ้งเฟย กล่าวกับผู้สื่อข่าว คือระบบ 5G มีขึ้นมาได้อย่างไร เรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยมีใครทราบ ที่จริงแล้ว แหล่งกำเนิดของระบบ 5G มาจากวิทยานิพนธ์คณิตศาสตร์ที่เขียนโดยดร.อาริคัน (Arikan) ชาวตุรกีเมื่อสิบกว่าปีก่อน หลังจากเขาประกาศวิทยานิพนธ์ฉบับนี้  2 เดือน เราก็ได้เห็น และเริ่มวิจัยสิทธิบัตรต่างๆ เกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ โดยมีนักวิจัยหลายพันคนเข้าร่วมงานวิจัย เวลาผ่านไป 10 ปี วิทยานิพันธ์คณิตศาสตร์ของศาสตรจารย์ตุรกีคนนี้ หัวเหวยได้จดทะเบียนสิทธิบัตรพื้นฐานเกี่ยวกับระบบ 5G  คิดเป็น 27% ของโลก จัดอยู่อันดับ 1

ดร.อาริคัน (Arikan) ไม่ใช่ลูกจ้างของหัวเหวย แต่เราลงทุนสนับสนุนห้องเลปของเขา ทำให้เขามีเงินไปจ้างดร.อีกหลายคนมาช่วยงานวิจัย และเราก็เสนอเงินทุนให้กับดร.ของเขาด้วย ที่ญี่ปุ่น เราให้ทุนสนับสนุนศาสตราจารย์คนหนึ่ง นักศึกษาปริญญาเอก 4 คนของเขาล้วนรับเงินเดือนจากหัวเหวย แต่ทำงานในห้องเลปของเขาเอง ผลสำเร็จการวิจัยและวิทยานิพนธ์เป็นของเขาเอง ไม่ใช่ของเรา ถ้าเราอยากใช้ผลการวิจัยของเรา ก็ต้องจ่ายเงินไปซื้อมา นี่เป็นวิธีที่เราร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ปัจจุบันหัวเหวยมีความสัมพันธ์ลักษณ์นี้กับนักวิทยาศาสตร์ประเทศต่างๆ

เรื่องนี้ทำให้เราเกิดความคิดว่า ผลสำเร็จของหัวเหวยเป็นผลสำเร็จของทั่วโลก และสร้างประโยชน์ให้กับชาวโลก

มีผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทไห่เซอ ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบวิจัยชิปของหัวเหวยเคยประกาศว่า มีการเตรียมพร้อมในการผลิตชิประดับสูง คุณเห็นว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมผลิตชิปของจีนยังมีช่องว่างเมื่อเทียบกับบริษัทสหรัฐฯ และประเทศที่พัฒนามากน้อยแค่ไหน

นายเหริน เจิ้งเฟย ตอบว่า เราต้องอาบน้ำเย็นก่อน เพื่อคงไว้ซึ่งความสงบเยือกเย็น เพราะเราต้องเห็นถึงความกว้างและความลึกซึ้งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสหรัฐฯ บริษัทหัวเหวยเพียงแต่มุ่งกำลังในด้านที่ตนเองทำอยู่ และนำหน้าในบางจุดเท่านั้น แต่ไม่ใช่เอาไปเทียบกับมาตรฐานระดับชาติของสหรัฐฯ    เทคโนโลยีจีนยังมีช่องว่างเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก ซึ่งเรื่องนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจฟองสบู่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของจีน อาทิ P2P อินเตอร์เน็ต การเคหะ สินค้าเลียนแบบ เป็นต้น ทำให้การวิจัยด้านวิชาการเกิดแนวโน้มร้อนแรง อันที่จริง การสร้างทฤษฏีพื้นฐานต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปี ถ้าชาวจีนเราไม่มีความอดทนไปศึกษาทฤษฏี ไม่ว่าเรามีความกระตือรือร้นมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำให้เราเข้มแข็งในด้านวิทยาศาสตร์ได้

นายเหริน เจิ้งเฟย อายุ 75 ปี เมื่อปี 1987 เขาอายุ 43 ปี นำเงิน 21,000 หยวนเดินทางไปเมืองเซินเจิ้นเพื่อก่อร่างสร้างตัว เขากล่าวว่า หลังจากนั้น เขาสละความสุขส่วนตัว ไม่มีเวลาอยู่กับพ่อแม่ และลูกเมีย ทั้งนี้ก็เพื่ออุดมการณ์ในใจคือ ยืนอยู่จุดสูงสุดของโลก แต่เขาบอกกับเจ้าหน้าที่บริษัทว่า ต้องอยู่อย่างเงียบเงียบ อย่าออกเสียงตะโกนว่า “ชิงแชมป์โลก เป็นอันดับ 1 ของโลก” เพราะว่าเรากลัว อุดมการณ์นี้จะทำให้เกิดการปะทะกับสหรัฐฯ เมื่อปี 2010 ผมหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทว่า จะขายหัวเหวยให้กับบริษัทของสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และ “ใส่หมวกcowboy” สหรัฐฯไปวิ่งรอบโลก เราได้ติดต่อกับบริษัทสหรัฐฯ แห่งหนึ่งว่าจะขายหัวเหวยให้เขาด้วยราคา 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สองฝ่ายเซ็นสัญญาเรียบร้อย เราก็นั่งเล่นในโรงแรมรอการอนุมัติ   แต่พอดีเวลานี้ บริษัทสหรัฐฯ เปลี่ยนชุดคณะกรรมการ ประธานกรรมการคนใหม่เห็นว่าบริษัทเราไม่น่าจะมีมูลค่าขนาดนี้ จึงปฏิเสธ กลุ่มผู้บริหารวัยรุ่นบอกกับผมว่า เราไม่อยากขายบริษัทแล้ว ผมก็เลยบอกกับพวกเขาว่า เราจะประลองกับสหรัฐฯ บนยอดเขาในอนาคต ดังนั้น เราต้องมีการเตรียมล่วงหน้า แต่ในที่สุด สองฝ่ายน่าจะจับมือกันบนยอดเขา ร่วมสร้างคุณูปการให้กับสังคมมนุษย์

ปี 2004 หัวเหวยจัดตั้งบริษัทกึ่งตัวนำไห่เซอจำกัด ที่ออกแบบและวิจัยผลิตชิปสมาร์ทโฟนระดับสูง นี่เป็นการเตรียมการอย่างหนึ่งของหัวเหวย เพื่อรับมือกับ “การอยู่รอดภายใต้สภาพเลวร้ายที่สุด” หมายถึงเมื่อบริษัทต่างประเทศหยุดซัพพลายชิป หัวเหวยก็สามารถผลิตชิปของตนเอง ซึ่งเรียกว่า “โครงการล้อสำรอง”

มีผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมหัวเหวยไม่ใช้ล้อของตน แต่จะซื้อจากต่างประเทศมาโดยตลอด มีล้อสำรองจริงหรือเปล่า

ลุงเหริน เจ้งเฟยตอบเขาว่า “ล้อสำรอง” หมายถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ด้วยตนเอง แต่เราอยากมีเพื่อนอยู่รอบโลก อันที่จริง เรามีการผลิตและใช้ผลิตภัณฑ์ของตนเป็นเวลานานแล้ว แต่เราก็ไม่ปฏิเสธผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ เราจะผลิตครึ่งหนึ่ง และซื้อจากต่างประเทศอีกครึ่งหนึ่ง แต่ละปี หัวเหวยจะซื้อชิปของบริษัท คอลคอมม์ (Qualcomm) ของสหรัฐฯ อย่างน้อย 50 ล้านชุด

คนที่ถามว่าทำไมเราไม่ใช้ “ล้อสำรอง” ของเราเองนั้น คือไม่เข้าใจแนวคิดยุทธศาสตร์ของเรา คือเราไม่อยากทำให้เพื่อนรู้สึกเสียใจ เราจะช่วยให้บริษัทต่างประเทสมีรายงานด้านการบัญชีที่ดี ผมไม่เคยบอกกับบริษัทสหรัฐฯ ว่าไม่เอาผลิตภัณฑ์ของพวกเขา แต่หวังว่าเขาจะซัพพลายผลิตภัณฑ์ให้กับเราต่อไป เพื่อร่วมกันบริการให้กับมนุษย์ นอกจากนั้น บางทีเรายังนำประสบการณ์ด้านการวิจัย กระทั่งผลการวิจัยให้บริษัทเพื่อนไปใช้ฟรี เราไม่ผลิตเอง แต่มอบให้เขาไปผลิต ทั้งนี้ ทำให้บริษัทซัพพลายเออร์ของทั่วโลกยินดีร่วมมือกับหัวเหวย

มีผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์เข้มงวดของหัวเหวยจะเกิดขึ้นต่อเนื่องกี่ปี นี่จะเป็นจุดหัวเลี้ยงหัวต่อของหัวเหวยหรือไม่

นายเหริน เจิ้งเฟยตอบว่า ปัญหานี้คุณถามผิดคนแล้ว ต้องไปถามคุณโดนัลล์ ทรัมป์ หัวเหวยเป็นผู้นำด้านระบบ 5G  สหรัฐฯ กล่าวว่านี่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์วิจัยโรคมะเร็งของสหรัฐฯ เลิกจ้างนักวิทยาศาสตร์เชื้อสายจีน 3 คน มีสื่อมวลชนชื่อดังแห่งหนึ่งของสหรัฐฯเขียนบทความถามว่า “ถ้าหากชาวจีนวิจัยยาแก้โรคมะเร็งด้วยความสำเร็จ นั่นเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ หรือ”

สำหรับการกระทำของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อหัวเหวยในเวลานี้ ผมคิดว่ามีผลกระทบต่อเราบ้าง แต่อีกด้านหนึ่ง เรื่องนี้จะกระตุ้นให้จีนพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมการผลิตอย่างเอาจริงเอาจังมากขึ้น แต่ก่อนเราลงทุนมากในการสร้างถนน สะพาน และบ้านพัก แต่การลงทุนในชิปไม่สามารถแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว จีนต้องการนักวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์และนักเคมี แต่นี่ยังไม่พอ เทคโนโลยีของชิปมีความหลากหลาย เราต้องการบุคลากรที่มีความรู้ระดับสูงจำนวนมาก จีนเป็นประเทศที่มีอารยธรรมกว่า 5,000 ปีมีพื้นฐานในการดูแลบุคลากรที่มีความรู้ระดับสูงด้านต่างๆ นอกจากนั้นเรายังสามารถที่จะดำเนินความร่วมมือรอบโลก อย่างเช่นการสร้างศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในประเทศต่างๆ ร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ของทั่วโลก

(Bo/Lin)

—  ข่าวที่เกี่ยวข้อง  —

Not Found!(404)