|

 ในยุคสมัยชุนชิว มีอยู่ครั้งหนึ่ง กษัตริย์จวงกงแห่งรัฐฉีเสด็จ โดยรถม้าไปล่าสัตว์ยังเขตชานเมือง. ระหว่้างทาง กษัตริย์จวงกง ทอดพระเนตรเห็นแมลงเล็กๆตัวหนึ่งมันมิเพียงไม่หลบล้อรถม้าที่กำลังจะแล่นมาทับเท่านั้น หากมันกลับขยับยกขาหน้าทั้งสองของมันขึ้น สูง เตรียมที่จะต่อสู้กับกงล้ออันมหึมาของรถอย่างเอาเป็นเอาตาย.
กษัตริย์จวงกงทรงประหลาดพระทัยยิ่งนัก จึงทรงสั่งให้นาย สารถีหยุดรถทันที พร้อมกับตรัสถามว่า "นี่มันแมลงอะไร ทำไมถึง กล้าหาญถึงเพียงนี้?"
นายสารถีกราบทูลว่า?"แมลงชนิดนี้เรียกตั๊กแตนตำข้าวพะยะค่ะ".
กษัตริย์จวงกงตรัสถามอีกว่า?"มันเหตุไฉนเอาแต่บุกไปข้างหน้าอย่างไม่คำนึงถึงอะไรทั้งปวง หรือมันไม่รู้ว่าล้อรถจะทับมันตายได้?"
นายสารถีกราบทูลว่า?"พระองค์อย่าได้ทรงเห็นว่ามันเป็นแมลง ตัวเล็กๆ มันเกิดมาก็รู้จักแต่รุกไม่รู้จักถอย มันไม่เคยประมาณกำลัง ของตนเองเลย มันจะสู้อย่างมุทะลุดุดันโดยไม่คำนึงถึงผลสุดท้าย พระองค์ทอดพระเนตรดูสิพะยะค่ะ มันยังยกขาหน้าขึ้นสูงและแยก เขี้ยวแสดงท่าดุร้ายคิดจะขวางรถของเราไม่ให้เคลื่อนต่อไป"
กษัตริย์จวงกงตรัสว่า?"ถ้างั้นก็ขับรถแล่นทับไปเลย ดูซิว่ามันจะ ทำอะไรได้".
นายสารถีกราบทูลว่า?"พระองค์จะทรงทำเช่นนั้นไม่ได้พะยะค่ะ ข้าพระองค์นั้นขับรถม้าอยู่เสมอ ได้เห็นมามากแล้ว. วันก่อน ขณะ ที่ข้าพระองค์ขับรถม้านั้นก็เห็นระหว่างทางมีตั๊กแตนตำข้าวตัวหนึ่ง มันทั้งๆที่เห็นรถม้าของข้าพระองค์กำลังแล่นมุ่งหน้ามาอย่างเร็ว แต่ มันกลับยกสองขาหน้าขึ้นสูง คิดที่จะขวางกงล้อม้าให้หยุดแล่น เนื่องจากข้าพระองค์ไม่ทันระมัดระวัง เผลอแล่นไปทับถูกมันจนแหลก ละเอียดไปทั้งตัว.พระองค์เป็นกษัตริย์แห่งรัฐ หาใช่คนธรรมดาสามัญ ไม่ จึงมิอาจทำเช่นนี้ได้พะยะค่ะ."
กษัตริย์จวงกงทรงตรับฟังคำพูดของนายสารถีแล้ว ทรงนิ่งตรึก ตรองอยู่ชั่วขณะแล้วทรงถอนใจรับสั่งว่า?"เจ้าตั๊กแตนตำข้าวถ้าหากมัน เป็นคนก็เป็นอัศวินที่มีชื่อเลื่องลือไปทั่วหล้าแล้วเป็นแน่". ตรัสแล้ว พระองค์ก็รับสั่งให้นายสารถีถอยรถ และขับหลบเลียบไปข้างๆ เพื่อ หลีกทางให้ตั๊กแตนตัวนั้น.
เมื่อเรื่องนี้ได้แพร่ออกไป บรรดานักรบของรัฐฉีเห็นว่า กษัตริย์ จวงกงแห่งรัฐฉีทรงรักและทนุถนอมผู้มีคุณธรรมความสามารถยิ่ง ต่าง ยิ่งมีความจงรักภักดีต่อพระองค์ยิ่งขึ้น กำลังของรัฐฉีก็มีความเข้มแข็ง เกรียงไกรมากขึ้น.
ตั๊กแตนตำข้าวคิดที่จะใช้เท้าหน้าสองข้างมากีดขวางกงล้อซึ่งก็ เปรียบเสมือนกับมนุษย์เราใคร่จะใช้สองแขนมาสกัดขวางรถไฟ ย่อม ไม่สำเร็จแน่นอน. ต่อมาผู้คนประสบเรื่องที่ไม่ประมาณกำลังของตน ใช้กำลังที่อ่อนแอยิ่ง หมายที่จะไปต้านแรงกดดันอันมหาศาล ก็จะใช้ สำนวน"ตั๊กแตนตำข้าวขวางรถ"นี้มาเปรียบเปรย. สำนวน"ตั๊กแตนตำ ข้าวขวางรถ"เป็นการอุปมาอุปไมยกำลังบอบบาง ไม่ประมาณตน. สำนวนนี้ภาษาจีนอ่านว่า" " (ถาง ปี้ ตาง เชอ) คำว่า "tang" (ถาง) ก็คือ " tang lang" (ถาง หลาง)หมายถึงตั๊กแตน. คำว่า "bi" (ปี้) แปลว่าแขน หมายถึงขาหน้าของตั๊กแตน คำว่า "dang"(ตาง) แปลว่ากีดกั้น กีดขวาง ขัดขวาง. การไม่รู้จักเจียมตัวเช่นนี้ อาจเทียบได้กับสำนวนไทยที่ว่า"โง่แล้วอยากนอนเตียง คอเอียงแล้ว อยากหนุนหมอน" คือไม่รู้จักประมาณตนให้ดีว่าตนอยู่ในภาวะเช่นไร นั่นเอง.
|