สวัสดีค่ะท่านผู้ฟังที่เคารพ วันนี้วันที่ 22 มีนาคม การเที่ยวกว่างซีของอาจารย์เกษม ทั่งทอง ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมของกิจกรรมประกวดความรู้เกี่ยวกับเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกว่างซีเรื่อง"กว่างซี-ดินแดนแสนงามและเต็มไปด้วยมนต์เสนห์ประจำปีค.ศ.2004ซึ่งร่วมกันจัดขึ้นโดยสถานีวิทยุซี.อาร์.ไอ.กับรัฐบาลกว่างซีนั้นได้เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว
ก่อนอื่น ขอเชิญอาจารย์เกษมเล่าให้ฟังหน่อยนะคะว่า วันนี้ ได้ไปเที่ยงไหนมา?
สวัสดีครับ ผมเกษม ทั่งทองครับ วันนี้จะเล่าสู่กันฟังว่า ผมตื่นแต่เช้ามืดและมีโอกาสออกไปเดินเล่นในเมือง ได้เห็นชีวิตประจำวันของชาวเมืองที่นี่จริงๆ ซึ่งเป็นการใช้ชีวิตแบบตั้งเดิม มีการนำสินค้าพื้นเมืองมาวางขายริมถนน เช่น พวกผัก ผลไม้ เนื้อหมู ปลาสุดๆ ซึ่งยังคงใช้ตาชั่งแบบเก่า คือ เป็นจานข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งเป็นลูกตุ้มบนคานยาวๆ คิดน้ำหนักเป็นชั่ง ชั่งละประมาณ 6ขีดแทนการขายเป็นชิ้น ไม่ว่าจะเป็นผักหรือผลไม้ ได้เ็ห็นการทานอาหารเช้าหน้าร้านขายข้าวต้ม โดยผู้ซื้อจะนั่งยองๆกินกันริมถนนนั่นแหละ เมืองนี้เวลาเช้า จะมีชีวิตอีกแบบ ต่างจากตอนบ่ายซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว พอถึงตอนเย็นก็จะเป็นไฟแสงสีเหมือนตรอกข้าวสารหรือพัทยาทางบ้านเรา แต่หลัง 6ทุ่มไปแล้ว ทุกอย่างจะเงียบสงบ ร้านค้าปิดหมดจนกระทั่งเช้าเลยไปถึงเที่ยง หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็เก็บเสื้อผ้าขึ้นรถไปเชงเกอรีลา พักโรงแรม FORGOTTEN HOMELAND ซึ่งที่นี่เป็นที่ชุมนุมของสี่ชนเผ่า อันได้แก่ชนชาติจว้ง เหยา เหมียวและต้ง โดยการนั่งเรือไปตามลำธาร ระหว่างทางจะผ่านหมู่บ้าน ชนเผ่าต่างๆ มีอยู่ชนเผ่าหนึ่ง นับถือพระอาทิตย์ไปยืนแอบอยู่ข้างทาง พอเรือผ่านก็มาใกล้ ก็จะโผล่ออกมา ทำท่าจะพุ่งออกใส่ ผู้โดยสารต้องหลบกันเป็นแถว แล้วเขาก็ทักทายว่า ปีใหม่ ปีใหม่ ปีไหม่ ซึ่งแปลว่าสวัสดีครับ หน้าหมู่บ้านจะมีหัวกะโหลก ปักไว้บนเสา แสดงว่ามีผู้เฒ่าเสียชีวิตแล้ว หนึ่งหัวต่อหนึ่งคน ดังนั้น หากมีหัวกะโหลกอยู่จำนวนมาก แสดงว่ามีผู้เสียชีวิตมาก มีการเต้นรำต้อนรับโดยผู้หญิงเอากระดึงผูกคอควายมาผูกไว้ที่เอว เวลาเต้น จะได้ยินเสียงของกระดึงดังออกมาประกอบเสียงดนตรี
เมื่อขึ้นฝั่ง ก็เข้าชมบ้านของชนเผ่าแม้ว มีการแสดงการต้อนรับ ด้วยเล่าหนึ่งจอกก่อนเข้าบ้าน ภายในบ้าน มีการทอผ้า ยึดักทักร้อย แกะสลักไม้ ทำกระดาษ ทำผ้าบาติก เย็บปักเน็ดไท มีลวดลายสวยงามมาก ทอผ้าลวดลายสลับสี จากนั้นก็เข้าหอกวี มีบทกลอนเขียนด้วยพู่กันจีนมากมาย ทำกระดาษการพิมพ์ การแกะแบบพิมพ์ จากนั้นก็ผ่านสะพานลมและฝน อันเป็นสัญลักษณ์ของชนชาติต้ง เขาว่าหากใครได้เดินผ่านสะพานนี้ไปแล้ว จะไม่ท้อแท้กับความยากลำบาก เพราะผ่านลมและฝนมาแล้ว
ทานอาหารเที่ยงกันที่นี่ เสร็จแล้วก็ออกเดินทางไปหยูซีพาราโดซ์ ซึ่งเป็นสวนปฏิมากรรมของศิลปินชาติต่างๆ เช่นจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ สหรััฐ อิตาลีและชาติอื่นๆอีกหลายชาติ มีทั้งเป็นหิน เป็นโลหะ เป็นไม้และสื่อผสมหลายสิบชิ้น มีทะเลสาบจำลอง สวนตะบองเพชร สวนสนุกสำหรับผู้ใหญ่ โดยขยายสวนสนุกของเด็กๆให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่นม้ากระดก ลอดห่วง ชิงช้า ไสลเตอร์ บ้านยืดหยุ่น จนกระทั่งเย็น จึงเดินทางต่อไปยังเมริแลน ซึ่งเป็นทั้งโรงแรม สวนสนุก สนามโก๊ล์ฟ เอาแล้วนะครับ ขอเข้าที่พักก่อน
ทานอาหารเย็นวันนี้เป็นสุกี้หม้อไฟ หลังจากอาหารเสร็จ ก็มีการร่วมสนุกกันระหว่างผู้ชมกับนักแสดง ชนชาติจว้ง มีการร้องแพลงเต้นรำและก็มีคุณจาง ตันเป็นอาสาสมัครคนแรกเข้าร่วมกับนักร้องสาว ตอนแรก เขาเอาเนื้อมาให้ร้อง ก็ร้องตาม พอท่อนที่สองก็ร้องได้ ท่อนที่สามก็ชักไม่ไหว พอท่อนที่สี่หายไปเลย แต่คุณจาง ตันก็ดำน้ำจนตลอดรอดฝั่งครับ เยี่ยมจริงๆ ได้เสียงปรบมือกราวเต็มไปห้องแสดง จากนั้นก็มีการจับคู่แต่งงาน ปรากฎว่า จับเจ้าบ่าวเจ้าสาวหันหลังชนกัน ผูกกันด้วยผ้าสีแดง หนุ่มออกมาไม่ได้ พอตอนเจ้าสาวซึ่งถูกผ้าแดงมัดเอาไว้จนแน่น แล้วก็แย่งกันไปแย่งกันมา สุดท้ายหนุ่มยอมแพ้ มีการเต้นแบบลาวกระทบไม้ คุณจาง ตันอดไม่ได้ เพราะว่าจังหวะมันเร้าใจจริงๆ รีบวิ่งเข้าไป กระโดดเต้มอยู่สี่ห้ารอบ ตัวใหญ่ๆอ้วนๆ ก็หอบแฮ็กๆๆ แล้วก็มายืนดูอยู่ข้างๆ ให้คนอื่นๆเล่นต่อ คนที่เข้าไปโดนไม้หนีบ เท้าหนีบ ขาหนีบ แล้วแต่ตามสะดวกนะครับ เพราะว่างานนี้คุณจาง ตันน้ำหนักลดลงไปตั้ง 30กิโลแล้ว
วันนี้ขอเพียงแต่นี้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เล่าต่อกัน สวัสดีครับ
พรุ่งนี้เราจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวกว่างซีของอาจารย์เกษมต่อไป พบกันวันพรุ่งนี้ สวัสดีค่ะ
|