สวัสดีค่ะท่านผู้ฟัง เมื่อวันจันทร์ที่ 4 และวันอังคารที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ดิฉันไปร่วมงานเฉลิมพระชนมายุของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครบ 50 พรรษา และฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนครบ 30 ปี ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งมาค่ะ
งานพิธีที่เป็นทางการใช้เวลาทั้งหมด 2 วัน จัดขึ้นที่หอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "ศูนย์การแลกเปลี่ยนอิงเจี๋ย" งานครั้งนี้ดิฉันไปโดยสวมหัวโขนไปทีเดียว 2 หัวเลยค่ะ หัวหนึ่งเป็นหัวนักวิชาการ ที่จะต้องนำเสนอบทความทางวิชาการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-จีนต่อที่ประชุม 1 บท เรื่องที่ดิฉันเตรียมไปเสนอ คือเรื่องความสัมพันธ์ไทย-จีนทางด้านการท่องเที่ยวค่ะ ฟังดูน่าสนใจไหมคะ รอให้มีจังหวะเหมาะ ๆ ดิฉันจะนำเรื่องสภาพการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างคนไทยกับคนจีนมาคุยให้ฟัง ขอสัญญาค่ะ
หัวโขนอีกใบหนึ่งนี่ซิคะ หนักกว่าหัวแรกเสียอีก จะเรียกว่าหัวนักข่าวก็ไม่กล้าเรียก เพราะจริง ๆ แล้วตัวเองก็ไม่ใช่นักข่าว เอาเป็นว่า หัวนี้มีหน้าที่คอยเก็บเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันงาน มาเล่าให้ท่านฟังก็แล้วกัน เห็นหรือยังค่ะว่าภาระหน้าที่นี้หนักแค่ไหน
เพราะงานครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลย เป็นงานใหญ่จริง ๆ นอกจากพระเทพฯของเราจะเสด็จแล้ว ยังมีนักการทูต ข้าราชการ นักวิชาการทั้งฝ่ายไทย-ฝ่ายจีน สื่อมวลชน มารวมกันในงานไม่น้อยกว่า 150 คน
ก่อนเวลาเสด็จ ทุกคนที่มาในงานก็ไปพร้อมกันที่หอประชุมอิงเจี๋ย มีเพียงเจ้าภาพผู้ใหญ่ไม่กี่คนรอรับเสด็จอยู่ที่ด้านนอก ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหลือไปนั่งประจำที่เรียบร้อยอยู่ภายในหอประชุม เขาปูลาดพระบาทเป็นพรมสีแดงยาวตลอดเข้าสู่หอประชุม ซึ่งในวันนั้นประดับตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลากสี บนเวทีมีแผ่นผ้ายาวเขียนตัวหนังสือทั้งไทยและจีนติดอยู่คู่กัน มีความว่า "พิธีเปิดศูนย์แลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรมไทย-จีนสิรินธร เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมายุ 50 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพิธิเปิดงานสัมมนาฉลองครบรอบ 30 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน"
พวกเรานั่งกันเงียบอยู่ที่ด้านล่างของเวทีเมื่อใกล้กำหนดจะเสด็จ พอ 9 นาฬิกา 30 นาที สมเด็จพระเทพฯ ก็เสด็จฯ เข้าถึงหอประชุม วันนั้นทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดไหมไทยสีเหลืองทองงามอร่าม พระพักษ์แย้มยิ้มตลอดเวลา เมื่อประทับเรียบร้อยแล้ว ประธานสภามหาวิทยาลัยปักกิ่งดร.มิน เหวยฟาง และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายจีนอีก 2-3 ท่าน ก็กล่าวถวายรายงานเกี่ยวกับการก่อตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรมไทย-จีนสิรินธร กล่าวเทิดพระเกียรติ และกล่าวสดุดีความสัมพันธ์ไทย-จีนที่อบอุ่นด้วยไมตรีจิตมิตรภาพตลอด 30 ปีที่ผ่านมา
เสร็จจากนั้นก็ทูลเชิญสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดแพรคลุมป้ายชื่อศูนย์แลกเปลี่ยนฯ แผ่นป้ายนี้ทางเจ้าภาพได้นำตั้งบนเวทีสำหรับประกอบพิธี แต่สถานที่ที่จะใช้เป็นที่ทำงานชั่วคราวของศูนย์ฯนั้น หลังจากเสร็จพิธีในหอประชุมแล้ว ทางเจ้าภาพได้นำเสด็จสมเด็จพระเทพฯ ไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองในภายหลัง
เสร็จจากพิธีเปิดป้ายแล้ว สมเด็จพระเทพฯ ก็ทรงมีพระราชดำรัสตอบเป็นภาษาไทยและภาษาจีนทั้ง 2 ภาษา ดิฉันเองไม่อยากเอาเปรียบท่านผู้ฟังที่ไม่มีโอกาสมาฟังด้วยตัวเอง จึงใคร่ขอพระราชทานพระราชานุญาต อัญเชิญพระราชดำรัสของพระองค์มาเปิดให้ท่านฟัง เพื่อให้ท่านได้ซาบซึ้งในพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นด้วยความปรารถนาดีต่อสัมพันธภาพของสองประเทศไทย-จีนพร้อมกันกับพวกเราที่อยู่ที่นี่
"ข้าพเจ้ายินดีที่ได้มาในงานเปิดศูนย์แลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวัฒนธรรมสิรินธร แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่งในวันนี้ เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ข้าพเจ้าได้ไปประชุมเป่ยจิง ฟอรั่ม คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ถามข้าพเจ้าว่านึกอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยปักกิ่ง และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะทั้งมหาวิทยาลัยปักกิ่งและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ และเป็นหลักในการพัฒนาประเทศมาช้านาน มีสาขาวิชาหลายหลาก เน้นการค้นคว้าวิจัย และยังได้นำผลการวิจัยมาทำให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ข้าพเจ้ามีโอกาสดีที่ได้เป็นศิษย์เก่าของสถาบันทั้งสอง ความจริงมหาวิทยาลัยทั้งสองมีความสัมพันธ์ทางด้านการเรียนการสอนภาษาจีน ภาษาไทย จีนศึกษาและไทยศึกษามานานปี ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษาและความเข้าใจอันดีระหว่างกันเป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าหวังว่าความสัมพันธ์นี้จะดำเนินต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นควรจะขยายความสัมพันธ์ไปในแขนงวิชาอื่นอย่างครบถ้วน ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ เปิดโอกาสให้นักวิจัยของทั้งสองมหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันศึกษาวิจัยและแลกเปลี่ยนอาจารย์นักศึกษา และร่วมกันสร้างหลักสูตรให้เกิดโอกาสการแลกเปลี่ยนกันได้ทุกระดับ ความสัมพันธ์ทางวิชาการเช่นนี้ จะเป็นพื้นฐานที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับความสัมพันธ์แบบอื่น ๆ การที่ปัญญาชนได้ไปมาหาสู่และเสวนากัน จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เพราะได้ร่วมกันคิด ร่วมกันสร้างสรรค์ความรู้ ได้รู้จักกัน รู้ใจกันมากขึ้น ความสัมพันธ์ที่จะสำเร็จได้จะต้องมีการบริหารจัดการที่ดีทั้งสองฝ่าย การจัดตั้งศูนย์ความสัมพันธ์เช่นที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ริเริ่มนี้ เป็นฐานและศูนย์กลางสำคัญสำหรับการปฎิบัติการให้เกิดผล เป็นความสัมพันธ์ที่ทุกคนมุ่งหวัง วันนี้เป็นวาระอันเป็นมงคลที่ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยปักกิ่งและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะได้ลงนามในข้อตกลงทางวิชาการอย่างเต็มรูปแบบ ขอให้กิจการของศูนย์เจริญก้าวหน้า ประสบความสำเร็จเห็นผลเป็นรูปธรรม และขอให้ทุกท่านในที่นี้มีความสุขสมปรารถนาโดยทั่วกัน"
พระราชดำรัสจบลงพร้อมกับเวลาของเราที่หมดลงพอดี ครั้งหน้าอย่าพลาดตามเสด็จฯสมเด็จพระเทพฯกับเราต่อนะคะ รับรองว่ามีอะไรให้ท่านประทับใจมากกว่านี้อีกแน่นอนค่ะ ดิฉันวิภา อุตมฉันท์ ขอสวัสดีและลาไปก่อนค่ะ
|