วันนี้วันที่ 5 มิถุนายนเป็น "วันสิ่งแวดล้อมแห่งโลก" รัฐบาลจีนได้ออก "สมุดปกขาวว่าด้วยการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของจีนประจำปี 1996-2005" ในวันนี้ โดยมีใจความเกี่ยวกับความพยายามต่างๆ ของจีนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และกล่าวว่า มลภาวะและการทำลายระบบนิเวศน์ของจีนที่เคยทวีความร้ายแรงนั้นปัจจุบันได้เริ่มผ่อนคลายลงแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม จีนยังคงเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่หนักหน่วงมาก

นอกจากนี้ ในวันนี้ รัฐบาลจีนยังได้จัดการประชุมแถลงข่าวที่กรุงปักกิ่ง โดยเชิญนายจู้กวางเอี้ยว รองผู้อำนวยการสำนักงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติจีนไปชี้แจงปัญหาการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของจีนซึ่งมีอยู่ในสมุดปกขาวฉบับดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวทั้งจีนและต่างประเทศ

สมุดปกขาวฉบับดังกล่าวกล่าวว่า นับตั้งแต่ปลายทศวรรษปี 1970 เป็นต้นมา เมื่อเศรษฐกิจของจีนพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ความขัดแย้งระหว่างสิ่งแวดล้อมกับการพัฒนาก็นับวันทวีความร้ายแรงยิ่งขึ้น เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โดยจัดเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้าไว้ในนโยบายขั้นพื้นฐานของรัฐ นายจู้กวางเอี้ยวกล่าวว่า

"ช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ จีนได้ผันงบประมาณด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นทุกปี เมื่อปีที่แล้วผันงบประมาณมากถึง 238,800 ล้านหยวน คิดเป็น 1.31% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ นับเป็นสัดส่วนที่สูงในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา"

เขากล่าวว่า ด้วยความพยายาม ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ มลภาวะและการทำลายระบบนิเวศน์ของจีนเริ่มมีแนวโน้มผ่อนคลายลง ทั่วสังคมมีจิตสำนักในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นอกจากนี้ จีนยังได้เข้าร่วมสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่างๆ กว่า 50 ฉบับ เช่น สนธิสัญญากรอบของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศพร้อมกับพิธีสารเกียวโต เป็นต้น อีกทั้งได้ปฏิบัติตามพันธกรณีที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาฉบับดังกล่าวอย่างเคร่งครัดด้วย

สมุดปกขาวฉบับดังกล่าวยังกล่าวในขณะเดียวกันว่า เนื่องจากจีนกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาเป็นแบบอุตสาหกรรมและแบบเมืองอย่างรวดเร็ว ฉะนั้น สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมยังคงหนักหน่วงมาก นายจู้กวางเอี้ยว รองผู้อำนวยการสำนักงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติจีนกล่าวว่า

"เราควรตระหนักอย่างดีว่า สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมโดยรวมในปัจจุบันยังคงหนักหน่วงมาก ที่สำคัญแสดงออกจากมลภาวะและระบบนิเวศน์ที่ถูกทำลายอย่างร้ายแรงในบางพื้นที่"

สมุดปกขาวกล่าวว่า เจาะจงต่อแรงกดดันด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่นับวันหนักขึ้นนี้ จีนได้ตั้งเป้าหมายหลักในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในช่วง 5 ปีข้างหน้าอย่างแจ่มชัดว่า ถึงปี 2010 จะปรับปรุงคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่และเมืองที่สำคัญๆ ให้ดียิ่งขึ้น และระงับมิให้ระบบนิเวศน์อยู่ในแนวโน้มที่ร้ายแรงอีก ขณะเดียวกัน ก็ต้องให้เศรษฐกิจประชาชาติคงไว้ซึ่งอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างเร็วและมั่นคงด้วย

ท่านผู้ฟังคะ สมุดปกขาวยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลและประชาชนจีนจะร่วมกับรัฐบาลและประชาชนของประเทศต่างๆ ร่วมกันอนุรักษ์ใบโลกนี้ซึ่งเป็นบ้านอันสวยงามของเรา