สวัสดีค่ะท่านผู้ฟัง วันนี้ดิฉันจะพาท่านผู้ฟังไปร่วมพิธีแต่งงานของเพื่อนชาวจีนกันค่ะ อย่างที่ทุกท่านได้ทราบจากข่าวของเราอยู่เรื่อย ๆ นะคะว่าปีนี้ฤกษ์ดีค่ะ คู่หนุ่มสาวหลายคู่ตั้งใจเข้าพิธีวิวาห์กัน อย่างตอนช่วงวันหยุดแรงงานเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นั่งรถไปทางไหนก็จะเห็นรถแต่งงานวิ่งกันขวักไขว่ทีเดียวค่ะ โรงแรมก็มีคนจองกันเต็มหมด เพื่อจัดงานแต่งงาน จำได้ว่า ช่วงนั้น ดิฉันไปเที่ยวเขื่อนสือซานหลิง ก็เห็นคู่บ่าวสาวคู่หนึ่ง ใส่ชุดวิวาห์มาเดินถ่ายรูปกันที่ข้าง ๆ เขื่อน ปีนี้ ที่เมืองจีน มีคู่สมรสเพิ่มขึ้นอีกมากเลย
ตอนที่ดิฉันเรียนภาษาจีนในห้องเรียน ก็มีบทหนึ่งค่ะ ที่เล่าบรรยากาศของพิธีแต่งงานแบบชาวจีน ตอนนั้นจำได้ว่า มีคำศัพท์คำว่า สีจิ่ว ซี่ถัง ถ้าใครมาถามเราว่า Shenme shihou chidao nide xijiu he xitang? แปลตามตัวอักษร ก็จะหมายถึง เมื่อไหร่จะได้กินเหล้ามงคลและท๊อฟฟี่มงคลของเธอ แต่จริง ๆ คำถามนี้ก็มีนัยว่า เมื่อไหร่เธอจะแต่งงานซะที แต่คำถามนี้ใช้ถามเฉพาะคนที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว และก็มีแนวโน้มว่าจะแต่งงานกันเท่านั้นนะคะ ใช้ถามคนที่ยังไม่มีแฟน อาจจะโดนทำหน้าบึ้งใส่ได้ค่ะ
เอ...ไป ๆ มา ๆ ดิฉันกำลังจัดรายการสอนภาษาจีนหรือเปล่าคะ กลับมาสู่รายการคุยกันวันหยุดของเรากันดีกว่าค่ะ ความจริงดิฉันตั้งใจจะเล่าประสบการณ์ที่ได้ไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนชาวจีนให้ท่านผู้ฟังฟังค่ะ ของจริงกับที่เรียนในหนังสือก็คล้ายกันค่ะ แต่ว่าได้ไปร่วมงานจริง ๆ ทำให้เข้าถึงวัฒนธรรมประเพณีการแต่งงานสไตล์จีนได้ลึกซึ้งกว่าหน้ากระดาษเยอะเลยค่ะ
เพื่อนคนนี้เป็นหมอด้านกระดูกค่ะ เป็นฝ่ายเจ้าบ่าวนะคะ เจ้าสาวของเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน ก็นางพยาบาลในโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่นั่นแหละค่ะ สองคนนี้อายุเลยเลขสามแล้วทั้งคู่ คบดูใจกันมาซักพัก จึงได้ตัดสินใจแต่งงานกัน วันนั้นเป็นวันเสาร์ค่ะ ดิฉันและสามีกับเพื่อนอีกคนออกเดินทางจากบ้านแต่เช้า ไปยังบ้านของเจ้าบ่าว วันนั้นพวกเราก็แต่งตัวธรรมดาค่ะ ไม่ต้องถึงขั้นใส่สูทผูกไทค์ หรือใส่ชุดราตรีเกาะอกยาวรุ่มร่าม การร่วมงานแต่งงานของที่นี่ ถึงแม้นงานจะจัดที่โรงแรม ก็ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวมาก ไม่ต้องไปเซ็ทผม หรือแต่งหน้าที่ร้าน ก็ไปร่วมงานได้ค่ะ วันนั้น ดิฉันเลยหมดโอกาสใส่ชุดราตรีสุดสวยที่อุตส่าห์หอบหิ้วมาจากเมืองไทย ที่นี่ ชุดธรรมดา อย่างชุดทำงาน กระโปรง กางเกง ได้ทั้งนั้นเลยค่ะ รับรองว่า จะไม่มีใครต่อว่าแน่นอน แต่ถ้าใส่ชุดราตรีหรูหราไปร่วมงาน อาจจะเป็นเป้าสายตาของทุกคนในงานก็ได้นะคะ ถ้าเป็นแบบนั้น เจ้าสาวคงไม่ชอบใจเท่าไหร่ และอาจจะคิดเสียใจที่เชิญเราไปร่วมงาน
ไปถึงบ้านเจ้าบ่าวที่จะใช้เป็นเรือนหอแล้ว พวกเราก็นั่งรอญาติ ๆ และเพื่อนฝ่ายเจ้าบ่าวมากันครบ เวลาพอเหมาะ ทุกคนก็เตรียมตัวขึ้นรถไลมูซีนสีดำเข้มคันยาว ที่ตั้งขบวนรออยู่แล้ว 6 คัน รถแบบนี้มีให้เช่าสำหรับงานมงคลโดยเฉพาะนะคะ ดิฉันสังเกตป้ายทะเบียนรถก็จะมีตัวเลขที่เป็นมงคล อย่างเลข 6 เลข 8 หรือเลข 9 ค่ะ
การขับรถไลมูซีนคันยาวเรียงกันเป็นขบวนถึง 6 คันบนท้องถนนในปักกิ่ง ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยค่ะ แม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ รถบนท้องถนนก็ไม่เบาบางอย่างที่คิด จะผ่านแยกที หรือเข้าออกไฮเวย์ หรือเปลี่ยนเลนส์ที คนขับก็ต้องเกิดอารมณ์ทุกที บางทีก็ต้องโทรติดต่อกันว่า ตอนนี้จอดรออยู่แถวไหน ยิ่งถ้าไม่ได้เผื่อเวลามาก ต้องไปให้ทันฤกษ์รับตัวเจ้าสาวด้วยแล้ว ความตึงเครียดของหัวหน้ากำกับขบวนรถก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นค่ะ
แต่ก็โชคดีค่ะ ที่วันนั้น ขบวนของเราไม่พบอุปสรรคมากนัก พอไปถึงบ้านเจ้าสาว ก็เริ่มเตรียมตัวบุกบ้านเจ้าสาวกัน เจ้าบ่าวถือช่อดอกไม้ไปรับเจ้าสาวด้วยใบหน้าที่สดชื่น ส่วนเรื่องของสินสอดทองหมั้นในวันนั้น ดิฉันไม่เห็นเลยนะคะ ไม่มีพิธีแบบที่บ้านเราทำกัน เจ้าบ่าวแค่เอาช่อดอกไม้ไปรับเจ้าสาวเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ถึงกับง่ายจนเกินไปค่ะ ฝ่ายญาติ ๆ และเพื่อน ๆ เจ้าสาว ไม่ยอมเปิดประตูให้เราเข้าไปง่าย ๆ ใช่แล้วค่ะ ต้องมีค่าผ่านประตูเป็นซองแดง ๆ ซะก่อน กว่าจะเข้าถึงห้องนอนเจ้าสาว ก็หมดไปหลายซองเหมือนกันค่ะ แต่เจ้าบ่าวไม่หวั่นอยู่แล้วค่ะ รักสาวเจ้าก็ต้องยอมทุ่มสุดตัว จริงไหมคะ
พอรับเจ้าสาวและญาติ ๆ ขึ้นรถแล้ว ไม่ได้ตรงกลับเรือนหอเลยนะคะ ไปที่โรงแรมที่จัดงานเลี้ยงก่อนค่ะ ที่นี่มักจะจัดงานเลี้ยงกินกันมื้อกลางวัน ไม่เหมือนเมืองไทย ที่นิยมเลี้ยงตอนกลางคืน
พอขบวนรถคู่บ่าวสาวแล่นมาถึงที่โรงแรมแล้ว ก็จะมีแขกเหรื่อมากมายยืนรอรับอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม พอคู่บ่าวสาวลงจากรถ แขกจะโปรยกระดาษ จุดประทัด ต้อนรับกันอย่างคึกคักสนุกสนาน แล้วก็จะมีพิธีกรมาทำหน้าที่ประกาศอยู่หน้าโรงแรม เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะมาทำพิธีตามที่พิธีกรบอก เจ้าบ่าวจะเขียนข้อความลงในกระดาษให้แก่เจ้าสาว อย่างเช่นจะรักเธอชั่วนิจนิรันดร์ ส่วนเจ้าสาวก็เขียนให้เจ้าบ่าวในกระดาษอีกใบ พิธีกรจะอ่านข้อความนั้นให้แขกร่วมเป็นสักขีพยาน จากนั้นเขาก็จะเอากระดาษสองใบนั้นใส่กล่องเซฟล๊อคกุญแจไว้ แล้วเอาลูกกุญแจผูกติดกับลูกโป่งลอยไปบนฟ้า เป็นการสื่อว่าทั้งคู่จะไม่มีวันแยกจากกันตลอดไป
เสร็จจากพิธีหน้าโรงแรมแล้ว ทั้งคู่บ่าวสาว ญาติ ๆ แล้วก็เพื่อน ๆ จะทยอยกันเข้าไปในห้องจัดงานเลี้ยงที่โรงแรม วันนั้น ห้องจัดงานที่โรงแรมที่ดิฉันไปร่วมงาน อยู่บนชั้นลอยของโรงแรมค่ะ การตกแต่งก็แน่นอนค่ะ ต้องเน้นสีแดงเป็นหลัก ตั้งแต่ผ้าม่านบนเวที ตัวอักษรต่าง ๆ ที่รวมทั้งตัวอักษรมงคลคู่ หรือ Shuang Xi Zi ผ้าคลุมโต๊ะ เก้าอี้ ตลอดจนดอกกุหลาบบนโต๊ะ ก็สีแดงทั้งหมด
เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะยืนต้อนรับอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยงพร้อมพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย แต่ไม่มีการถ่ายภาพกับแขกแต่ละคนเหมือนบ้านเรานะคะ ที่นี่ทักทายเสร็จ แขกก็จะเดินเข้าไปเซ็นต์ชื่ออวยพรที่โต๊ะต้อนรับ ไม่มีการแจกของชำร่วยให้แขกค่ะ แขกก็ไม่ต้องให้ซองก็ได้ แต่บางคนก็จะใส่ซองให้ หรือไม่ก็ให้ของขวัญ
โต๊ะอาหารก็เป็นแบบโต๊ะจีนบ้านเราค่ะ แต่อาหารยังไม่เสริฟจนกว่าพิธีบนเวทีจะเสร็จ มีแต่เม็ดแตงโมและเครื่องดื่มให้รับประทานไปก่อนระหว่างรอแขกมาครบ แล้วพิธีกรก็ทำหน้าที่บนเวที เริ่มต้นด้วยการทักทายกับผู้ที่มาร่วมงาน แล้วก็เชิญบ่าวสาวและพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายขึ้นมาบนเวที เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะคำนับพ่อแม่ คำนับซึ่งกันและกัน แล้วก็ผลัดกันสวมแหวนให้กัน จุดเทียนมงคลร่วมกัน จากนั้นก็คล้องแขนดื่มแชมเปญกัน
เสร็จพิธีบนเวทีแล้ว คู่บ่าวสาวจะหลบไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันใหม่อีกชุดค่ะ ดิฉันจำได้ว่า เจ้าสาวในวันนั้น เปลี่ยนจากชุดขาวมาเป็นชุดแดง เห็นไหมคะ ชุดเจ้าสาวแดง ก็ยังคงเป็นที่นิยมของชาวจีนอยู่ในปัจจุบัน อาจจะเพื่อความเป็นสิริมงคลของคู่บ่าวสาว
เปลี่ยนชุดแล้ว ก็มานั่งรับประทานอาหารร่วมกับพ่อแม่ ถ้าเป็นที่เมืองไทย บ่าวสาวไม่มีโอกาสกินอะไรจนกว่าจะเสร็จงานใช่ไหมคะ ที่นี่เน้นสุขภาพค่ะ คู่บ่าวสาวเลยได้รับประทานอาหารพร้อม ๆ กับแขก แต่ทานได้ไม่นาน ก็ต้องลุกขึ้นมาปฏิบัติภารกิจต่อไป คือ การเดินไปทักทายแขกแต่ละโต๊ะ แต่ไม่ได้ไปถ่ายรูปนะคะ ตอนนี้ละค่ะที่ดิฉันว่าน่าสนใจทีเดียว ก็คือการชนแก้วกับแขกที่มาร่วมงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะถือแก้วเหล้าขาวไปชนกับแขกแต่ละโต๊ะ เป็นการให้เกียรติแขก นอกจากนั้นแล้ว เจ้าสาวก็จะแกะท๊อฟฟี่มงคลป้อนให้กับแขกเกือบทุกคน ถ้าเป็นคนที่สูบบุหรี่ เจ้าสาวก็จะส่งบุหรี่ให้แขกแล้วก็จุดให้ หน้าที่เจ้าบ่าว บางครั้งก็ต้องสูบบุหรี่ด้วย ถ้าแขกต้องการให้สูบ เหมือนเป็นการให้เกียรติแขก ถ้าเป็นโต๊ะเพื่อน ๆ เพื่อนขอให้เจ้าบ่าวทำอะไรแผง ๆ กว่าปกติเพื่อเป็นการฉลองส่งท้ายชีวิตโสด เจ้าบ่าวก็ปฏิเสธยากค่ะ บางทีก็ให้เจ้าบ่าวขึ้นไปเต้นระบำบนโต๊ะ หรือให้สูบบุหรี่ทีเดียวหลาย ๆ มวน หรือดื่มเหล้าแก้วใหญ่ให้หมดแก้ว หรือไม่ก็ให้จูบเจ้าสาว
วันนั้น ดิฉันเห็นเจ้าบ่าวสะบักสะบอมทีเดียวค่ะ เสื้อผ้าชุดทั๊กซิโดสุดเนี๊ยบ ก็ยุ่งเหยิงทีเดียว เพราะโดนเพื่อน ๆ รุมแกล้ง หรืออาจจะเป็นอุบายทำให้เข็ด จะได้ไม่คิดแต่งงานอีกเป็นรอบสองก็ได้ แต่ทุกคนก็สนุกสนานกันถ้วนหน้านะคะ
เรื่องเหล้า บุหรี่ และท๊อฟฟี่มงคล เป็นขอคู่กับงานแต่งงานของชาวจีนนะคะ ใครที่คิดจะเป็นเจ้าบ่าวที่เมืองจีนก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีนะคะ ไม่ดื่มไม่ได้ค่ะ ถือว่าไม่ถูกประเพณี มีวิธีเลี่ยงอีกอย่างก็คือ ไม่ต้องจัดงานเลี้ยง แค่จดทะเบียน แล้วก็เอาท๊อฟฟี่ใส่ห่อไปแจก ก็เป็นการประกาศพิธีแต่งงานแบบเรียบง่ายอีกอย่างหนึ่งค่ะ หรือบางคู่ก็จะเลือกจดทะเบียนแล้วก็ฉลองด้วยการไปท่องเที่ยวกันตามลำพังเอง ไม่ต้องมีงานเลี้ยงให้ยุ่งยาก ก็แล้วแต่แต่ละคู่จะตกลงกันนะคะ
เสร็จจากการทักทายแขกตามโต๊ะแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะเปลี่ยนชุดใหม่อีกชุดค่ะ เรียกว่าชุดส่งแขก ไว้เตรียมส่งแขกที่หน้างาน ส่งแขกเสร็จก็เป็นอันเสร็จพิธี แต่มีเรื่องที่สนุกอีกอย่างค่ะ ถ้าเป็นเพื่อน ๆ หรือญาติพี่น้องที่สนิท ก็จะตามไปส่งคู่บ่าวสาวเข้าหอ ส่วนใหญ่จะไปตอนกลางคืนค่ะ เรียกว่าไป ต้งฝาง คือไปทำให้เรือนหอคึกคัก คุยเล่นกับคู่บ่าวสาวก่อนที่จะให้ทั้งคู่เข้าหอกันในคืนวันนั้น น่าเสียดายนะคะ ที่ดิฉันไม่ได้ไปร่วมต้งฝางด้วย เพราะติดธุระเสียก่อน ไม่งั้นคงมีอะไรสนุก ๆ มาเล่าให้ท่านผู้ฟังฟังกัน
ท่านผู้ฟังคะ ที่ดิฉันเล่ามา ก็เป็นประสบการณ์ที่ดิฉันได้ไปเห็นพิธีแต่งงานของเพื่อนชาวจีนที่นี่ค่ะ ดิฉันคิดว่า พิธีแต่งงานของที่นี่ ก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันไปในแต่ละงาน ก็เหมือนกับที่บ้านเรานั่นแหละค่ะ มีจัดแบบธรรมดา แบบหรูหรา ส่วนเรื่องการถ่ายรูปที่สตูดิโอ เวลานี้ ชาวจีนก็นิยมเช่นกันค่ะ รูปแบบก็เหมือนกับบ้านเรานั่นแหละค่ะ มีให้เปลี่ยนได้หลายชุด ถ่ายได้ทั้งในและนอกสถานที่
ท่านผู้ฟังคะ มีเรื่องที่น่าสนใจมากของประเพณีแต่งงานจีนอีกเรื่องค่ะ ที่ดิฉันเล่าไม่ได้ เพราะไม่รู้จะเล่ายังไง ท่านผู้ฟังต้องลองค้นหาจากเว็บไซต์ดูละกันค่ะ เป็นรูปแบบของทะเบียนสมรสของชาวจีนในรุ่นต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน น่าสนใจนะคะ มีลวดลายหลายแบบทีเดียวค่ะ ลองค้นดูนะคะ
หมดเวลาแล้วค่ะ ท่านผู้ฟังคะ Shenme shihou chidao nide xijiu he xitang? เมื่อไหร่คุณผู้ฟังจะแต่งงานคะ อรพิน เศรษฐภาคย์ลาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ
|