ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอรายงานว่า ปีนี้จีนกับอาเซี่ยนสถาปนาความสัมพันธ์การหารือครบรอบ 15 ปี งานมหกรรมจีน-อาเซี่ยนครั้งที่สามและการประชุมสุดยอดว่าด้วยการค้าและการลงทุนระหว่างจีนกับอาเซี่ยนจะจัดขึ้นที่เมืองหนันหนิงเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสี ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ปลายเดือนตุลาคมนี้ ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเห็นว่า การประชุมครั้งนี้จะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับอาเซี่ยน ความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายในอนาคตจะพัฒนาไปสู่ปริมณฑลที่กว้างขวางยิ่งขึ้นและลงลึกยิ่งขึ้น ปัจจุบัน จีนกับอาเซี่ยนต่างเป็นหุ้นส่วนการค้าอันดับที่ 4 ของกันและกัน อาเซี่ยนเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 5 ของจีนและแหล่งนำเข้าอันดับที่ 3 ของจีน วิสาหกิจจีนนับวันมากขึ้นที่ถือประเทศอาเซี่ยนเป็นฐานการลงทุนสำคัญ ศาสตราจารย์หัน เฟิง รองผู้อำนวยการสถาบันเอเชีย-แปซิฟิคในสังกัดสภาวิทยาศาสตร์สังคมแห่งประเทศจีนกล่าวว่า

"การพัฒนาอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นในหลายปีหลัง เพราะเป็นความต้องการของทั้งสองฝ่ายที่จะขยายการค้าออกสู่ภายนอก"

ศาสตราจารย์หัน เฟิงเห็นว่า เศรษฐกิจของจีนกับอาเซี่ยนมีส่วนเกื้อกูลกันอย่างมาก สินค้าของจีน เช่นของใช้ประจำวันและเครื่องใช้ไฟฟ้า มีความได้เปรียบทางด้านราคาเมื่อเทียบกับสินค้าชั้นสูงของประเทศตะวันตก ส่วนทรัพยากรและผลิตภัณฑ์เมืองร้อนของอาเซี่ยนก็มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน นายอู เฮ่า ดู่ ซง ที่ปรึกษาทางเศรฐกิจของสถานทูตพม่าประจำประเทศจีนกล่าวว่า "มีพ่อค้าจากพม่าเข้าร่วมงานนี้มากมาย พม่าเป็นประเทศเกษตรกรรม เพราะฉะนั้น สินค้าที่ส่งเข้าร่วมจึงเป็นสินค้าเกษตร หวังว่าในโอกาสนี้ พม่าจะนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักรกลจากจีน เพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ"

แหล่งข่าวแจ้งว่า เมื่อปีที่แล้ว ยอดการค้าระหว่างจีนกับพม่ามีปริมาณ 1200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าในอีก 1 ปีข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นถึง 2000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ศาสตราจารย์หัน เฟิงกล่าวว่า ปัจจุบัน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับอาเซี่ยนกำลังก้าวขึ้นสู่ระยะใหม่

"เวลานี้เป็นโอกาสดี เพราะในกระบวนการสร้างความทันสมัย จีนจะต้องปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน หลังจากวิกฤติการเงินปี 1997 ประเทศอาเซี่ยนต่างก็ได้ปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมภายในประเทศมาโดยตลอด ในหมู่ประเทศสมาชิกอาเซี่ยนด้วยกันก็มีการปรับปรุงโครงสร้างเช่นกัน"

ศาสตราจารย์หัน เฟิงยังกล่าวว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายจะมุ่งไปสู่ความร่วมมือและการสร้างความเป็นระบบ ซึ่งจะทำให้การค้าทั้งภูมิภาคมีความเสรี ไม่ใช่เพียงทำให้การค้าเติบโตขึ้นเท่านั้น