ในช่วงจีนกับอาเซี่ยนสร้างความสัมพันธ์แบบหารือกันเป็นเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับอาเซี่ยนนับวันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ปัจจุบันจีนเป็นตลาดส่งออกสําคัญของอาเซี่ยน ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้อาเซี่ยนลดการพึ่งพาต่อตลาดสหรัฐฯ สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น
จีนเป็นประเทศแรกที่ได้เซ็นข้อตกลงการค้าเสรีกับอาเซี่ยน ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยคาดว่า จีนจะเสนอเป้าหมายการค้าเสรีในด้านการให้บริการและการลงทุนในการประชุมสุดยอดผู้นําจีน-อาเซี่ยนที่จะจัดขึ้นที่เมืองเชบู(Cebu)ของฟิลิปปินส์ในเดือนธันวาคมศกนี้ เพื่อให้จีน-อาเซี่ยนปฏิบัิติตามข้อตกลงการค้าเสรีอย่างรอบด้านที่ครอบคลุมถึงทุกๆด้านภายในปี 2010
ตามข้อตกลงการค้าเสรีจีน-อาเซี่ยนเกี่ยวกับสินค้าที่เริ่มใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมปี 2004 จีนกับอาเซี่ยนได้ลดภาษีศุลกากรซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นเหตุให้มูลค่าการค้าระหว่างจีนกับอาเซี่ยนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามตัวเลขสถิติของกระทรวงพาณิชยจีน 8 เดือนแรกของปีนี้ ยอดมูลค่าแบบทวิภาคีระหว่างจีนกับอาเซี่ยนมีมากกว่า 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าในปี 2010 มูลค่าการค้าแบบทวิภาคีระหว่างจีนกับอาเซี่ยนจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าหรือมากกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในบรรดาประเทศสมาชิกต่างๆของอาเซี่ยน สิงคโปร์มีมูลค่าแบบทวิภาคีกับจีนจํานวนมากที่สุด รองลงมาคือสิงคโปร์คือ มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย
ตัวเลขสถิติยังปรากฎว่า 9 เดือนแรกของปีนี้ การค้าไทยมีสภาพขาดดุลต่อจีนกว่า 67,500 ล้านบาท สาเหตุที่ทําให้ไทยมีการขาดดุลทางการค้าต่อจีนเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาในช่วงหลังจากปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีจีน-อาเซี่ยนเป็นต้นมานั้นก็คือ สินค้าที่ไทยนําเข้าจากจีนส่วนใหญ่เป็นสินค้าทุน ซึ่งมีถึง 45% ของยอดมูลค่าที่นําเข้าจากจีน ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์จักรกลไฟฟ้าและชิ้นส่วน เครื่องคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน และอุปกรณ์เครื่องจักรและชิ้นส่วน ส่วนวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์กึ่งสําเร็จรูปที่ไทยนําเข้าจากจีนนั้นมีสัดส่วนเป็น 40% ของยอดมูลค่าการนําเข้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เคมีอุตสาหกรรม เหล็กและเหล็กกล้าตลอดจนผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า
จากการวิเคราะห์ การเจรจาการค้าเสรีเกี่ยวกับการค้าให้บริการและการลงทุนระหว่างจีนกับอาเซี่ยนที่กําลังดําเนินอยู่นั้นคาดว่าจะมีผลสรุปสําคัญในเดือนธันวาคมปีนี้ ในอนาคต หลังจากจีนลดหรือปรับข้อกําหนดและข้อจํากัดที่เกี่ยวกับการตั้งวิสาหกิจที่มีเงินทุนต่างชาติในด้านให้บริการและการลงทุนให้ง่ายขึ้นแล้ว วิสาหกิจไทยจะมีโอกาสทางการค้ามากยิ่งขึ้นในการขยายตลาดการให้บริการในจีนให้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ธุรกิจต่างๆของไทยที่มีกําลังแข่งขันเช่นในด้านการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแบบรักษาสุขภาพ ร้านอาหารและโรงแรมนั้นจะมีอนาคตที่แจ่มใสยิ่งขึ้นในการเข้าตลาดให้การบริการของจีน เพราะว่าชนชั้นกลางของจีนกําลังเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ความต้องการในด้านท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ การรักษาสุขภาพและการเสริมสวยย่อมจะเพิ่มมากขึ้น จะเป็นเหตุให้วิสาหกิจที่ประกอบกิจการด้านเหล่านี้มีกําไรมากยิ่งขึ้น จะเพิ่มการส่งออกด้านการให้บริการ ซึ่งก็ได้เพิ่มรายได้เงินตราต่างประเทศของไทยที่มาจากการค้าให้การบริการ จะลดการขาดดุลทางการค้าที่ไทยมีต่อจีน
ตามสถิติ ปีที่แล้วนักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยวประเทศไทยเป็นจํานวน 780,000 คนครั้ง และใน 3 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยวไทยนั้นมีถึง 270,000 คนครั้ง เพิ่มขึ้น 130% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีที่แล้ว เป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในบรรดาประเทศแหล่งท่องเที่ยว
|