ในการประชุมสัมมนาและการแลกเปลี่ยนระหว่างนักวิสาหกิจจีน-อาเซี่ยนครั้งที่สามที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ นายเฉิงซือเวิยรองประธานคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน ประธานกิตติมาศักดิ์ของคณะกรรมการทั่วประเทศเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคของจีนกล่าวว่า ด้วยการพัฒนาของโลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจ การเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางเศรษฐกิจของภูมิภาคก็ได้รับการพัฒนาก้าวคืบหน้าไปพร้อมกัน และความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซี่ยนได้ประสบผลคืบหน้าที่ดี นายเฉิงซือเวิยกล่าวเน้นว่า การพัฒนาของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาระหว่างจีนกับอาเซี่ยน และเป็นส่วนที่เติบโตเร็วที่สุดของการพัฒนาทางเศรษฐกิจ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต่างมีลักษณะเชี่ยวชาญเฉพาะ มีความรู้สึกไวและยืดหยุ่น สามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะแวดล้อมต่างๆได้ดี ในสภาพที่จีนกับประเทศต่างๆของอาเซี่ยนต่างสนับสนุนให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมพัฒนาไปนั้น วิสาหกิจเหล่านี้ก็นับวันจะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นต่อความร่วมมือแบบทวีภาคีด้วย

นายจังเซ่ากังรองผู้อำนวยการของสำนักงานกิจการต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า การเจรจาว่าด้วยการค้าเสรีจีน-อาเซี่ยนได้ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 4 ปีนับตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2002 เป็นต้นมา และได้ผ่านเรื่องสำคัญๆหลายเรื่อง ได้แก่ หนึ่ง เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2002 ผู้นำของจีนและของประเทศต่างๆของอาเซี่ยนได้ลงนามข้อตกลงว่าด้วยกรอบแห่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบด้านระหว่างจีน-อาเซี่ยน กำหนดเป้าหมาย เนื้อหาและช่วงระยะเวลาของการค้าเสรีจีน-อาเซี่ยน และกำหนดจะสร้างเขตการค้าเสรีจีน-อาเซี่ยนในปี 2010 ทั้งกำหนดว่าจะให้เวลาระยะผ่านเป็น 5 ปีต่อประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซี่ยนด้วย การลงนามเอกสารดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ได้เริ่มกระบวนการสร้างเขตการค้าเสรีจีน-อาเซี่ยนอย่างเป็นทางการแล้ว สองคือ เมื่อวันที่ 1 มกราคมปี 2006 จะใช้อัตราภาษีเป็นศูนย์ต่อผลิตผลการเกษตรกว่า 600 ชนิด เช่น เนื้อ ไก่ ผลิตผลทางน้ำ ผลิตภัณฑ์ทางนม ผัดและผลไม้เป็นต้น และตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป อาเซี่ยนได้กลายเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับที่สี่ของจีนแล้ว

ปัจจุบัน ที่เขตการค้าเสรีจีน-อาเซี่ยนได้มีแนวโน้มการลดภาษีเร็วขึ้น หลังจากการลดภาษีเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2005 อัตราภาษีโดยเฉลี่ยของจีนที่มีต่ออาเซี่ยนมีเพียง 8.1% ถึงปี 2007 อัตราภาษีจะลดลงถึง 6.6% และถึงปี 2010 ผลิตภัณฑ์กว่า 93% ที่นำเข้าจากอาเซี่ยนจะใช้ภาษีอากรเป็นศูนย์ ก็เช่นเดียวกัน ประเทศอาเซี่ยนจะลดภาษีอากรต่อผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากจีนให้น้อยลงด้วยเช่นกัน

ด้วยการผลักดันของเขตการค้าเสรีจีน-อาเซี่ยน วิสหากิจขนาดกลางและขนาดย่อมในฐานะเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน ทำอย่างไรจึงจะสามารถใช้โอกาสแห่งการพัฒนาที่ดีนี้ได้ นายจังเหวินจง ศาสตราจารย์ของสถาบันวิจัยวิชาภูมิศาสตร์และทรัพยากรของสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีนกล่าวว่า ในเขตการค้าเสรีจีน-อาเซี่ยน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของจีนและของอาเซี่ยนจะมีโอกาสร่วมมือกันด้านการผลิตเป็นอย่างมาก เขาชี้ให้เห็นว่า การส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมพัฒนาไปทิศทางที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมจะมีส่วนช่วยให้พวกเขาเข้ารับโอกาสการค้ามากยิ่งขึ้น เช่น สิงค์โปร์ได้สร้างสวนวิทยาศาสตร์ที่ใกล้ๆมหาวิทยาลัยสิงค์โปร์ที่เป็นของรัฐเมื่อปี 1987 รัฐบาลสนองเงินทุนช่วยเหลือเพื่อการวิจัยและการพัฒนา ช่วยเหลือด้านการฝึกอบรมและภาษีแก่วิสาหกิจที่มาลงทุนด้วย มาเลเซียก็มีโครงการสร้างระเบียงหลายสื่อโดยได้ให้พื้นที่ถึง 750 ตารางกิโลเมตร ได้สร้างบรรยากาศที่ดีต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี่สูงด้วย

นายจังเหวินจงกล่าวว่า จังหวะต่อไปคือ รัฐบาลประเทศต่างๆควรพยายามสนับสนุนเขตชุมชนเพื่อการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้สิทธิพิเศษต่อกิจการที่มีความสัมพันธ์อย่างสูง และมีสายโซ่แห่งมูลค่าที่สามารถจะเชื่อมโยงประกอบกันได้ด้วย

ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ให้เห็นว่า ในฐานะเป็นผู้นำของวิสหากิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่สำคัญต้องเข้าใจภาระกิจและภาระหน้าที่ของการเป็นผู้บริหารระดับสูง และต้องมีแนวคิดและนโยบายเกี่ยวการควบคุมบริหารใหม่ ๆนอกจากนั้น วิสหากิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะ"เดินออกไป"เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในโลก ก็จะต้องมีคุณสมบัติการเข้าสู่ตลาดโลกด้วย