|
| (GMT+08:00)
2006-12-27 17:54:11
|
 |
|
จีน ญี่ปุ่นเริ่มร่วมกันวิจัยประวัติศาสตร์
cri
 ระหว่างวันที่ 26 27 ธันวาคมที่ผ่านมา การประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการร่วมกันวิจัยประวัติศาสตร์จีน-ญี่ปุ่นจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง นับเป็นครั้งแรกที่วงการวิชาการของสองประเทศร่วมกันจัดตั้งคณะกรรมการวิจัยเพื่อร่วมกันวิจัยปัญหาประวัติศาสตร์ที่ละเอียดอ่อนต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในช่วง 30 กว่าปีตั้งแต่จีนและญีปุ่นสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นต้นมา ในที่ประชุมครั้งแรก สองฝ่ายได้อภิปรายวัตถุประสงค์ ระเบียบขั้นตอนและหัวข้อของงานวิจัยในวันข้างหน้าเป็นสำคัญ
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นายอาเบะ ชินโช นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหลังจากได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแล้วไม่นานก็ได้เดินทางเยือนจีน ซึ่งได้แก้ไขสภาพชะงักงันทางการเมืองของความสัมพันธ์ีจีน-ญี่ปุ่นที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ผู้นำของจีนและญี่ปุ่นสองประเทศได้บรรลุความเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับการร่วมกันวิจัยประวัติศาสตร์ภายในปี 2006 ในระหว่างการพบปะเจรจากัน หลังจากนั้น จีนและญี่ปุ่นได้จัดตั้งคณะกรรมการที่ประกอบด้วยนักวิชาการฝ่ายละ 10 คน
ในพิธีเปิดการประชุมครั้งแรก ศ.ปู้ ผิง หัวหน้ากรรมการฝ่ายจีนของคณะกรรมการวิจัยร่วม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประวัติศาสตร์ุยุคปัจจุบันแห่งสภาวิทยาศาสตร์สังคมจีนกล่าวว่า การรับรู้ประวัติศาสตร์นั้นเป็นปัญหาที่สลับซับซ้อน การมีความแตกต่างกันนั้นเป็นเรื่องปรกติ แต่ความแตกต่างกันเช่นนี้สามารถลดน้อยลงด้วยการแลกเปลี่ยนและทำความเข้าใจซึ่งกันและกันได้ ศ.ปู้ ผิงกล่าวว่า กล่าวได้ว่า ความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นหลักการของการร่วมกันวิจัยระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ส่วนเงื่อนไขของการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันคือ ประการแรก ต้องถือการพิทักษ์สันติภาพของโลกและการคัดค้านสงครามรุกรานเป็นเป้าหมายที่ยอมรับกันทั่วไป
ศ.ปู้ ผิงเสนอว่า ความรับรู้ร่วมกันทางประวัติศาสตร์ยังควรสร้างบนพื้นฐานที่มีความเห็นร่วมกันต่อข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ จังหวะก้าวแรกของการวิจัยร่วมกันที่จะเริ่มต้นในปัจจุบันคือ พวกเราควรรวบรวมข้อมูลประวัติศาสตร์ในทั่วทุกด้านอย่างเต็มที่ ขจัดสิ่งที่ไม่จริง วิเคราะห์วิจัย และเปิดช่องทางสำหรับการติดต่อและแลกเปลี่ยน
นายชีนีชิ คีตาโอกะ หัวหน้ากรรมการฝ่ายญี่ปุ่น ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยโตเกียวกล่าวว่า การที่วงการวิชาการของญี่ปุ่นและจีนเริ่มร่วมกันวิจัยประวัติศาสตร์นั้นมีความจำเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่า ผมรู้สึกอย่างลึกซึ้งว่า กิจการงานครั้งนี้มีความจำเป็นอย่างมาก เมื่อปี 2005 จีนและญี่ปุ่นได้ดำเนินการแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการมองปัญหาประวัติศาสตร์อย่างไร เวลานั้น สองฝ่ายได้โต้เถียงกันอย่างรุนแรงพอสมควร ถึงกับใช้คำพูดที่ค่อนข้างเป็นแบบยั่วยุ ผมเห็นว่า การโต้เุีถียงในรูปแบบเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ต่อการแก้ไขปัญหาเลย พวกเราสองฝ่ายควรเคารพข้อเท็จจริง พิจารณาอย่างจริงจัง พูดคุยกันด้วยความยับยั้งชั่งใจ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายฉิน กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแสดงความเห็นเกี่ยวกับการจัดการประชุมครั้งนี้ในที่ประชุมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า การเริ่มการร่วมกันวิจัยประวัติศาสตร์นั้นคือความเห็นพ้องต้องกันของจีนและญี่ปุ่น สองฝ่ายมีความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ว่า การวิจัยที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการตามหลักการของเอกสารทางการเมือง 3 ฉบับเช่นแถลงการณ์ร่วมจีน-ญี่ปุ่นเป็นต้น และจิตใจที่มองประวัติศาสตร์อย่างถูกต้องและมุ่งสู่อนาคต เป้าหมายคือต้องร่วมกันวิจัยประวัติการไปมาหาสู่กันที่เป็นเวลากว่า 2000 ปีและประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบันที่น่าเสียใจระหว่างจีนกับญี่ปุ่น และการพัฒนาของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในช่วง 60 ปีหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง สามารถเพิ่มความเข้าใจที่ถูกต้องต่อประวัติศาสตร์ให้ลงลึกยิ่งขึ้น เพิ่มความรับรู้และเข้าใจซึ่งกันและกันให้มากยิ่งขึ้น
Min/Dan
|
|
|
