วันที่ 13-15 มกราคมนี้ การประชุมสุดยอดอาเซี่ยนครั้งที่ 12 การประชุมสุดยอดอาเซี่ยน-จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ครั้งที่ 10 และการประชุมสุดยอดเอเซียตะวันออกครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นที่เชบู(Cebu)ทางภาคกลางของฟิลิปปินส์ ประเด็นของการประชุมสุดยอดปีนี้คือ"ครอบครัวใหญ่ที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันและเอาใจใส่รักใคร่กัน" นายเวิน เจียเป่านายกรัฐมนตรีจีนจะเข้าร่วมการประชุมที่เกี่ยวข้อง การประชุมสุดยอดอาเซี่ยนตามลําดับต่อเนื่องกันจะอภิปรายปัญหาอะไรบ้างและการประชุมสุดยอดครั้งนี้จะได้รับผลอะไรบ้างนั้นเป็นที่สนใจของผู้คนทั้งหลาย เพื่อการนี้ ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุซีอาร์ไอได้สัมภาษณ์นายไจ๋ คุน ผู้อํานวยการสํานักวิจัยเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชี่ยนเนียของสถาบันวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยุคปัจจุบันของจีน
คณะกรรมการจัดการการประชุมสุดยอดเปิดเผยว่า ในลําดับการประชุมสุดยอดอาเซี่ยน การประชุมที่จะเปิดขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดอาเซี่ยนอย่างอื่นๆ คือการประชุมสุดยอดอาเซี่ยนครั้งที่ 12 ผู้นํา 10 ประเทศอาเซี่ยนจะดําเนินการอภิปรายเกี่ยวกับปัญหาสําคัญต่างๆที่เกี่ยวพันถึงความมั่นคงและการพัฒนาในอนาคตของภูมิภาคตน เช่นการกําหนด"กฎบัตรอาเซี่ยน" การค้าและการลงทุน เสริมสร้างความร่วมมือด้านการปราบปรามการก่อการร้าย และการเจรจา 6 ฝ่ายที่เกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทเกาหลี นายไจ๋ คุนกล่าวว่า
"เพราะว่ากฎบัตรฉบับนี้จะกําหนดหลักการในการพัฒนาระยะยาวในอนาคตของอาเซี่ยน 10 ประเทศอาเซี่ยนได้ร่วมกันตกลงเมื่อปี 2003 ว่า จะสร้างประชาคมร่วมแห่งหนึ่งที่เหมือนกับสหภาพยุโรปในปี 2020 ประกอบด้วยสามส่วน คือหนึ่ง ประชาคมทางเศรษฐกิจ สอง ประชาคมทางความมั่นคง สาม ประชาคมสังคมวัฒนธรรม การสร้างองค์กรประชาคมแบบนี้ ก็ต้องมีสภาพการณ์ที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นและสามัคคีกันยิ่งขึ้น ใช้พลังร่วมในการรับมือกับการท้าทายหรือการคุกคามชนิดต่างๆ"
ในการประชุมสุดยอด 10+3 ครั้งที่ 10 การประชุมสุดยอด 10+1 ครั้งที่10 จีนกับอาเซี่ยนจะอภิปรายว่าจะนําความเข้าใจร่วมกันที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ในเดือนพฤศจิกายนปี 2006 มาสู่การปฏิบัติอย่างไร ในช่วงจัดการประชุมสุดยอดตามลําดับ จีนจะเสนอข้อริเริ่มที่เป็นรูปธรรมหลายประการ เพื่อเสริมและเพิ่มความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับอาเซี่ยน นายไจ๋ คุนเห็นว่า คาดว่าระหว่างการประชุมสุดยอดครั้งนี้ จีนกับอาเซี่ยนจะใช้ความพยายามในการผลักดันการสร้างเขตการค้าเสรีระหว่างจีนกับอาเซี่ยนต่อไป เขาเห็นว่า ถ้าจีนกับอาเซี่ยนสร้างเขตการค้าเสรีได้ในปี 2010ตามที่กําหนดเวลา ก็จะเป็นผลดีทั้งต่อจีนและต่อภูมิภาคนี้ เขากล่าวว่า
"กล่าวสําหรับจีนแล้ว เราจะให้ผลิตภัณฑ์อาเซี่ยนเข้าสู่ตลาดจีนมากยิ่งขึ้น และก็จะให้เงินทุนจีนไปลงทุนในประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวสําหรับประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการรับมือกับความเสี่ยงต่างๆอันเนื่องจากโลกาภิวัตน์ ก็ต้องแสวงหาตลาดใหม่และแหล่งเงินลงทุน ด้วยเหตุนี้จีนจะเป็นคู่ค้าที่ดีมาก ถ้าจีนกับอาเซี่ยนสร้างเขตการค้าสรีได้ก่อน ก็จะส่งเสริมให้อาเซี่ยนกับเกาหลีใต้และอาเซี่ยนกับญี่ปุ่นสร้างเขตการค้าเสรีด้วย ซึ่งเป็นผลดีต่อการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าของเขตเอเซียตะวันออก"
สําหรับสภาพปัจจุบันและอนาคตของการประชุมสุดยอดเอเซียตะวันออกที่ประกอบด้วย 10 ประเทศอาเซี่ยน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ตลอดจนอินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ นายไจ๋ คุนเห็นว่า นี่เป็นปัญหาค่อนข้างสลับซับซ้อน ต้องพิจารณาไปพร้อมกับการประชุมสุดยอดเอเซียตะวันออกและการประชุมสุดยอด 10+3 ด้วย การประชุมสุดยอดปี 2006 ได้ตกลงแบ่งงานกลไกการประชุมทั้งสองอย่างนี้ในขั้นพื้นฐานแล้ว ก็คือ 10+3 ยังคงเป็นเวทีหลักของความร่วมมือเอเซียตะวันออก ส่วนกลไกการประชุมสุดยอดเอเซียตะวันออกจะเป็นฟอรั่มหนึ่งที่ปรึกษาหารือปัญหายุทธศาสตร์ส่วนภูมิภาค ฉะนั้น 10+3 จะเป็นกลไกที่ค่อนข้างจะสามารถดําเนินงานให้เป็นจริงได้ ส่วนการประชุมสุดยอดเอเซียตะวันออกจะเป็นแค่กลไกในระดับการศึกษาค้นคว้าและอภิปรายแลกเปลี่ยนความเห็นเท่านั้น
"ปัญหานี้ ผมรู้สึกว่าผู้นําเอเซียตะวันออกควรแสดงท่าทีที่สุขุมที่ทบทวนความคิดของตนหรือผ่านการสังเกตติดตามแล้วค่อยตกลงกัน เมื่อพิจารณาจากประชาคมโลก ความร่วมมือของสหภาพยุโรป ทวีปลาตินอเมริกา เอเซียใต้หรือแอฟริกาต่างได้ผ่านขั้นตอนกลับไปกลับมาแล้ว ส่วนความร่วมมือของเอเซียตะวันออกได้เกิดสภาพการณ์ใหม่ ก็คือนอกจากประเทศเอเซียตะวันออกแล้ว ประเทศอื่นก็อาจจะเข้าร่วมความร่วมมือระหว่างเอเซียตะัวันออกด้วย ความร่วมมือเช่นนี้จะดําเนินไปอย่างไร การเปิดกว้างภูมิภาคสู่ภายนอกแล้วจะปฏิบัติการต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ล้วนต้องการให้ผู้นําเอเซียตะวันออกพิจารณาอีกขั้นหนึ่ง เวลาต่อจากนี้ไป จะต้องกําหนดทิศทางการพัฒนาของการประชุมสุดยอดเอเซียตะวันออกให้ดี ให้ประสานกับความร่วมมือ 10+3 อย่างผสมกลมกลืนกันมากยิ่งขึ้น กลายเป็นกลไก 2 กลไกที่ประกอบกันอย่างดีและประสานงานอย่างดีในการผลักดันความร่วมมือเอเซียตะวันออก"
|