ช่วงหลายวันมานี้เป็นช่วงตรุษจีนซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญที่ืสืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งเป็นวันปีใหม่ตามจันทรคติของจีน ในวันเวลาอันรื่นรมย์นี้ มีประชาชนจำนวนมากได้ทำเอาชีวิตความเป็นอยู่อันมีความสุขในปัจจุบันไปเชื่อมโยงกับศัพท์คำ ๆ หนึ่งคือ"การปฏิรูปและเปิดประเทศ" "การปฏิรูปและเปิดประเทศ"นั่นเองที่ทำให้ประชาชนจีนผ่านพ้นจากความยากจนและลำบาก และได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่พอกินพอใช้ และ"การปฏิรูปและเปิดประเทศ"นี่เองก็ทำให้จีนเปิดประตูของประเทศที่ได้ปิดตัวเองมาเป็นเวลายาวนาน ก้าวสู่โลกกว้างทีละก้าว ๆ หลายวันที่ผ่านมา พื้นที่ต่าง ๆ ของจีนไม่ว่าร้านค้าเก่าแก่ที่มีประวัติถึงร้อยปีก็ตาม หรือซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยต่างก็เบียดเสียดไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อสินค้าที่จะใช้ในช่วงตรุษจีน นายหยาน จื่อเสียง ชาวเมืองปักกิ่งวัย 27 ปีกำลังเลือกซื้อโทรทัศน์ที่ร้านขายเครื่องไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ในถนนหวางฝู่จิ่ง ซึ่งเป็นถนนการค้าชื่อดังของกรุงปักกิ่งแห่งหนึ่ง เมื่อหวนรำลึกถึงโทรทัศน์ขาวดำขนาด 14 นิ้วเครื่องแรกของบ้านเขา นายหยาน จื่อเสียงรู้สึกเลือกยากเนื่องจากมีโทรทัศน์สีจำนวนมากมายและหลากหลาย เขากล่าวว่า สมัยผมอายุประมาณ 6 7 ขวบ บ้านผมได้ซื้อโทรทัศน์สีใหม่เครื่องหนึ่งขนาด 21 นิ้ว สมัยนั้น ผมรู้สึกมันดีมาก แต่โทรทัศน์พัฒนารวดเร็วมาก ขนาด 29 นิ้ว 34 นิ้ว แบบSuper Flat แบบPure Flat ปัจจุบันมีแบบRear Projector แบบPDP และแบบLCD เป็นต้น เฉพาะการเปลี่ยนแปลงของโทรทัศน์อย่างเดียวก็สามารถให้เห็นว่า ระดับการบริโภคของประชาชนจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 1949 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาขึ้นจนถึงปลายทศวรรษที่ 1970 จีนได้ใช้ระบอบเศรษฐกิจแบบแผนวางจัดสรรทรัพยากรมาโดยตลอด ระบอบเช่นนี้เคยขยายบทบาทสำคัญในการสร้างระบบอุตสาหกรรมของเศรษฐกิจประชาชาติในช่วงต้น ภายหลังประเทศจีนใหม่สถาปนาขึ้น แต่การรวมศูนย์อำนาจในระดับสูงและการขาดพลังกระตุ้นของระบอบนี้ก็ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนสินค้าอย่างรุนแรง ในสมัยนั้น ประชาชนไม่ว่าจะซื้ออาหารหรือเสื้อผ้าต้องใ้ช้คูปองทั้งนั้น การเปลี่ยนแปลงสภาพเช่นนี้เริ่มต้นภายหลังจีนดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศตั้งแต่ปี 1978 เป็นต้นมา เติ้ง เสี่ยวผิง เป็นผู้ริเริ่มคนสำคัญของการปฏิรูปครั้งนี้ ด้วยเหตุนี้ นายเติ้ง เสี่ยวผิงจึงได้รับการยกย่องสรรเสริญว่าเป็น"ผู้ออกแบบที่ยิ่งใหญ่"ของการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีน เริ่มจากระบบรับเหมาที่ดินร่วมกันผลิตในชนบทมาเป็นระบอบเศรษฐกิจที่ถือระบบกรรมสิทธิ์ของรัฐเป็นหลัก เศรษฐกิจในระบบกรรมสิทธิ์อื่น ๆ พัฒนาพร้อมกัน ตั้งแต่การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษจนถึงการพัฒนาเศรษฐกิจการตลาดของสังคมนิยมเป็นต้น ข้อคิดเห็นและแนวคิดของเติ้ง เสี่ยวผิงเป็นส่วนประกอบสำคัญของทฤษฏีเติ้ง เสี่ยวผิง ได้ชี้นำการสร้างระบอบเศรษฐกิจการตลาดแบบสังคมนิยมในระยะเริ่มต้นที่มีเอกลักษณ์ของจีน ด้วยการชี้ำนำของนโยบายการปฏิรูปและเปิดประเทศ เศรษฐกิจจีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว GDP เพิ่มขึ้นจากกว่า 210000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 1978 มาเป็นกว่า 2 ล้านล้าน 600000 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2006 การปฏิรูปและเปิดประเทศทำให้ชาวจีนรู้ัจักโลกภายนอกมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อกลางทศวรรษที่ 1970 แต่ละปี จีนผลิตภาพยนตร์ใหม่ไม่ถึง 100 เรื่อง ถึงปี 2006 เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 300 เรื่องต่อปี เมื่อปี 1994 จีนเริ่มนำเข้าภาพยนตร์ต่างประเทศมาฉายในจีน ปัจจุบัน แต่ละปีจีนนำเข้าภาพยนตร์ต่างประเทศประมาณ 20 เรื่อง การชมภาพยนตร์ต่างประเทศกลายมาเป็นวิธีการพักผ่อนบันเทิงอย่างหนึ่งของประชาชนจีน นอกจากนี้ การปฏิรูปและเปิดประเทศยังได้ทำให้ประชาชนจีนมีโอกาสไปต่างประเทศ จนถึงปลายปี 2006 จีนมีนักศึกษาที่ไปเรียนต่อต่างประเทศกว่า 1 ล้านคน เมื่อทศวรรษ 1980 นายหวาง ฮุยเ้ย่า อุปนายกสมาคมนักศึกษาที่เคยไปเรียนต่างประเทศคนปัจจุบันได้ไปเรียนต่อที่ทวีปอเมริกาเหนือ เขามีความรู้สึกประทับใจต่อการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีน เขากล่าวว่า ผมรู้สึกว่า เติ้ง เสี่ยวผิงได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อจีน ทำให้จีนเปลี่ยนจากสังคมปิดมาเป็นสังคมที่เปิดสู่ภายนอก และนำจีนเข้าสู่สถานการณ์ใหม่ของโลก สำหรับตัวผมเอง ถ้าไม่มีนโยบายการปฏิรูปและเปิดประเทศ ก็ย่อมจะไม่มีวันนี้ของรุ่นพวกเรา การปฏิรูปและเปิดประเทศไม่เพียงแต่ทำให้เศรษฐกิจจีนเข้าสู่ระยะเติบโตและพัฒนาที่มีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง เท่านั้น หากยังได้ส่งผลกระทบที่สำัคัญต่อการค้า การลงทุนและเศรษฐกิจของโลก นายเยี่ย ตี๋เซิง อดีตผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเทียนสิน รองผู้ว่าการนครเทียนสินกล่าวว่า สมัยนั้น สมาชิกคณะกรรมการเคยถ้ามเติ้ง เสี่ยวผิงอย่างกล้า ๆ ว่า ท่านเติ้งครับ การปฏิรูปและเปิดประเทศจะมีวันที่จะสิ้นสุดลงหรือไม่ครับ? ทำไมหรือ? ก็เพราะพวกเราได้เผชิญกับความยากลำบากมากมายในการดำเนินนโยบายนี้ ไม่มันง่ายอย่างที่เราคาดคิด เติ้ง เสี่ยวผิงพอได้ยินคำถามข้อนี้ ก็ตอบด้วยน้ำเสียงอันแน่วแน่ว่า ไม่ การปฏิรูปและเปิดประเทศไม่มีวันจะสิ้นสุด พวกเราได้ยินคำตอบเช่นนี้ ก็รู้สึกยินดีและตื่นเต้นมาก และมีความมั่นใจมากขึ้น เติ้ง เสี่ยวผิงเคยกล่าวว่า ผมเป็นบุตรของประชาชนจีน ผมรักปิตุภูมิและประชาชนจีนอย่างลึกซึ้ง ประเทศจีนกำลังก้าวหน้าตามหนทางแห่งการปฏิรูปและเปิดประเทศ กำลังสร้างสรรค์สังคมพอกินพอใช้ซึ่งจะทำให้ประชากรกว่า 1000 ล้านคนได้รับผลประโยชน์ในทุกด้าน ประชาชนจีนมีความมั่นใจในการก้าวสู่ความเป็นแบบทันสมัยของประเทศ ความเป็นเอกภาพของประเทศ จะต้องทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นที่สันติ มั่งคั่งและมีความสุขให้ได้ Min/Dan
|