ผู้สื่อข่าวได้ข่าวจากศูนย์สายสัมพันธ์ธุรกิจ ไทย-จีน (Thailand-China Business Link) ว่า เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากบริษัทเทมาเสก โฮลดิ้งส์ (Temasek Holdings?ซึ่งเป็นบริษัทการลงทุนของรัฐบาลสิงค์โปร์ได้ลงทุนซื้อโรงพยาบาลขนาดใหญ่และบริษัทชินคอร์ปของไทย ทำให้การลงทุนของบริษัทเทมาเซค โฮตี้งส์ในตลาดหุ้นของไทยมีมูลค่าเป็น 3446 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 63% ของการลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นของไทย สิงค์โปร์กลายเป็นประเทศที่ลงทุนในตลาดหุ้นของไทยมากที่สุดในสามไตรมาสแรกของปีที่แล้ว

แหล่งข่าวรายงานว่า สิงค์โปร์ยังเป็นแหล่งการลงทุนโดยตรงใหญ่อันดับที่สามของไทย รองลงจากญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เป็นประเทศสมาชิกอาเซี่ยนที่ลงทุนในไทยมากที่สุด เมื่อปีที่แล้ว สิงค์โปร์ได้ยื่นเอกสารเพื่อการลงทุนให้แก่คณะกรรมสการส่งเสริมการลงทุนของไทยโดยมียอดจำนวนเงินและรายการต่างได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2005 ได้จากปี 2005 ที่มีมูลค่าเป็น 14100 ล้านบาทของ 82 รายการเพิ่มขึ้นถึง 28900 ล้านบาทของ 86 รายการในปี 2006 ซึ่งมีจำนวนเงินเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งเท่าตัว

เมื่อปีที่แล้ว โครงการลงทุนที่สิงค์โปร์ยื่นขอนั้นที่สำคัญอยู่ในด้านอุปกรณ์เครื่องยนตร์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กตรอนิกส์ เมื่อเทียบกับการลงทุนมูลค่า 4400 ล้านบาทในปี 2005 เพิ่มสูงขึ้นถึง 226% มีมูลค่าเป็น 14500 ล้านบาท นอกจากนั้น รายการที่ยื่นขอเพื่อการลงทุนนั้น ยังมี การบริการ เหล็กและเหล็กกล้า อุปกรณ์เครื่องยนตร์ ปิโตรเคมีคอนและการผลิตกระดาษเป็นต้น

ในด้านการส่งออกนั้น สิงค์โปร์เป็นตลาดใหญ่อันดับที่สี่ของไทย รองลงจากญี่ปุ่น จีนและสหรัฐเท่านั้น และเป็นแหล่งนำเข้าใหญ่อันดับที่ 6 ของไทย รองลงจากญี่ปุ่น จีน สหรัฐ มาเลเซียและสหรัฐอาหรับเอมมิเรตส์ ไทยมีกาค้าเกินดุลกับสิงค์โปร์มาโดยตลอด

แหล่งข่าวกล่าวว่า การค้าแบบทวิภาคีระหว่างไทยกับสิงค์โปร์เพิ่มขึ้นจากมูลค่า 7000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 1998 เพิ่มขึ้นเป็น 14000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2006 เป็นสัดส่วนประมาณ 5.4% ของยอดจำนวนการค้าต่างประเทศของไทย กล่าวสำหรับสิงค์โปร์แล้ว ไทยเป็นคู่การค้าใหญ่อันดับที่ 9 ของสิงค์โปร์ เป็นคู่การค้าใหญ่อันดับที่สามในบรรดาประเทศสมาชิกของอาเซี่ยน รองลงจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย ขณะเดียวกัน ไทยยังเป็นตลาดสินค้าส่งออกใหญ่อันดับที่ 8 และแหล่งนำเข้าสินค้าใหญ่อันดับที่ 10 ของสิงค์โปร์ด้วย

เมื่อปีที่แล้ว การค้าส่งออกของไทยต่อสิงค์โปร์เพิ่มขึ้น 5.7% เพิ่มจากจำนวน 7600 ล้านเหรียญสหรัฐ.oปี 2005 ขึ้นเป็น 8300 ล้านเหรียญสหรัฐ การค้านำเข้าของไทยจากสิงค์โปร์เพิ่มขึ้น 4.9% เป็นมูลค่า 5647 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในด้านการท่องเที่ยวนั้น สิงค์โปร์เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับที่สามที่ประชาชนชาวไทยนิยมไปท่องเที่ยวมากที่สุด รองลงจากมาเลเซียและจีน และขณะเดียวกัน สิงค์โปร์เป็นแหล่งที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวไปเที่ยวไทยมากเป็นอันดับที่สี่ รองลงจากมาเลเซีย ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

นานมาแล้ว ไทยกับสิงค์โปร์มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดทางด้านการลงทุน การค้าและการท่องเที่ยว ทั้งสองประเทศล้วนอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน และล้วนเป็นประเทศสมาชิกของอาเซี่ยนตั้งแต่เมื่อปี 1967 เป็นต้นมา ผู้นำประเทศต่างๆของอาเซี่ยนได้ร่วมกันประกาศว่าจะสร้างอาเซี่ยนเป็นตลาดที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในปี 2015 ก่อนกำหนดเวลา 5 ปี ด้วยเหตุนี้ ในอีก 8 ปีข้างหน้านี้ ไทย สิงค์โปร์และประเทศสมาชิกอาเซี่ยนอื่นๆจะเปิดการค้า การบริการ การลงทุนและการเคลื่อนย้ายของแรงงาน เพื่อให้มีลักษณะเสรีมากยิ่งขึ้น และอนุญาติให้การหมุนเวียนด้านการลงทุนภายในภูมิภาคดังกล่าวมีลักษณะเสรีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะกระชับความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างไทย สิงค์โปร์และประเทศต่างๆในอาเซี่ยนให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น