เวียดนามได้พยายามมาเป็นเวลา 11 ปีแล้ว กลายเป็นสมาชิกอันดับที่ 150 ขององค์การการค้าโลก เมื่อเดือนมกราคมปี 2007 ผู้สื่อข่าวของคณะทําข่าวร่วมทางโทรทัศน์และวิทยุครั้งใหญ่ในหัวข้อ"การเดินทางแห่งความร่วมมือจีน อาเซียน"ที่อยู่ระหว่างการทําข่าวที่เวียดนามต่างได้ซาบซึ้งว่าการเข้าร่วมองค์การการค้าโลกกลายเป็นโอกาสใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนาม
ในกรุงฮานอยเมืองหลวงของเวียดนาม ผู้สื่อข่าวได้พบหนุ่มคนหนึ่งที่กําลังตั้งใจจะซื้อรถมอเตอร์ไซค์ที่ร้านขายมอเตอร์ไซค์ เขาซาบซึ้งถึงผลดีของการที่เวียดนามเข้าร่วมองค์การการค้าโลก เขากล่าวว่า"หลังจากเข้าร่วมองค์การการค้าโลกแล้ว ชีวิตดีขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะว่าราคาสินค้าลดลง เราจะซื้อของได้มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นมอเตอร์ไซค์ เมื่อก่อนต้องมีเงินถึง 1625 เหรียญสหรัฐฯจึงจะซื้อได้คันหนึ่ง แต่หลังจากเวียดนามเข้าร่วมองค์การการค้าโลกแล้ว ก็ซื้อได้ในราคาครึ่งเดียว"
นายเหงียน มิน เจี๊ยต ประธานาธิบดีเวียดนามกล่าวในการพบปะกับคณะทําข่าวร่วมทางโทรทัศน์และวิทยุครั้งใหญ่ในหัวข้อ"การเดินทางแห่งความร่วมมือจีน อาเซียน"ว่า หลังจากเข้าร่วมองค์การการค้าโลกแล้ว ประชาชนเวียดนามไม่เพียงแต่ดีใจเท่านั้น ฐานะระหว่างประเทศของเวียดนามก็ได้ยกสูงขึ้น เขากล่าวว่า"เวียดนามเข้าร่วมองค์การการค้าโลกมาประมาณ 3 เดือนแล้ว ประชาชนเวียดนามเต็มไปด้วยความดีใจ เพราะเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ดีมาก เป็นโอกาสที่จะพัฒนา ทีแรกคาดว่าอาจจะมีบริษัทล้มละลายมากมาย แต่จนถึงเดือนที่แล้วก็ยังไม่เห็นมีบริษัทใดล้มละลายเลย มีแต่ได้เห็นทุกคนใช้ความพยายามกัน เวียดนามได้เรียนรู้ประสบการณ์มากมายจากจีน เพราะว่าหลังจากเข้าร่วมองค์การการค้าโลกแล้วจีนมีการพัฒนาอย่างดี เวียดนามหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือและความร่วมมือจากจีนต่อไป และก็หวังว่าวิสาหกิจจีนจะไปลงทุนและทําธุรกิจที่เวียดนาม เพราะว่าจีนกับเวียดนามมีจุดร่วมกันมากมาย นักธุรกิจจีนไปลงทุนที่เวียดนาม คงเป็นเรื่องที่เหมาะสมมาก บริษัทที่จีนไปลงทุนในเวียดนามนั้นล้วนได้รับความสําเร็จ"
สําหรับปัญหาที่ว่าวิสาหกิจจีนจะไปลงทุนที่เวียดนามมากยิ่งขึ้นหลังจากเวียดนามเข้าร่วมองค์การการค้าโลก นายหู เฉียนเหวิน เอกอัครราชทูตจีนประจําเวียดนามเห็นว่า วิสาหกิจจีนไปลงทุนที่เวียดนาม จะมีโอกาสมากกว่าการท้าทาย เขากล่าวว่า
"เดือนเมษายนปี 2006 พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้จัดการประชุมผู้แทนทั่วประเทศครั้งที่ 14 ได้ตกลงเป้าหมายแห่งการพัฒนาในระยะกลาง ก็คือเมื่อถึงปี 2020 จะสร้างเวียดนามให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยในขั้นพื้นฐาน เมื่อกล่าวทางจีน การร่วมมือกับเวียดนามในด้านอุตสาหกรรมก็จะมีตลาดมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เวียดนามในปัจจุบันยังเป็นประเทศเกษตรกรรม ปริมาณการส่งออกธัญญาหารในปีนี้อาจจะมากกว่าประเทศไทย เป็นอันดับหนึ่งของโลก ทั้งนี้จึงต้องการปุ๋ยเคมีและพันธุ์พืชที่ดี ด้วยเหตุนี้ ความร่วมมือระหว่างจีนกับเวียดนามจึงมีอนาคตกว้างไกล"
1 2
|