เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคมนี้ ที่กรุงเืทพมหานคร พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีไทยได้ร่วมรับประธานอาหารเที่ยงกับนายจางจิ่วหวน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย หัวหน้าฝ่ายต่างๆของสถานทูตจีนและผู้บริหารระดับสูงของวิสาหกิจจีนประจำประเทศไทยจำนวนหนึ่ง โอกาสนี้ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ได้กล่าวคำปราศรัย โดยประเมินความสัมพันธ์ฺระหว่างไทยกับจีนอย่างสูงและแสดงว่า จะกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เขากล่าวว่า" ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยนั้นก็คงไม่ใช่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เรามีความสัมพันธ์ตั้งแต่ในสมัยโบราณ ก็คิดว่าอย่างน้อยๆก็ประมาณ 800 ปี ที่ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรขึ้นมา ก็จะมีความรู้สึกว่า ไม่มีความแตกต่างจากประเทศจีน มีความเป็นพี่เป็นน้อง มีความสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีการแบ่งแยก มีคนไทยจํานวนมากถือได้ว่าเป็นเชื้อสายจีน เป็นผู้ที่ได้สร้างความเจริญ สร้างความมั่งคั่งให้กับบ้านเมืองมาโดยตลอด โดยแสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์นั้นแน่วแน่อย่ในสายเลือดของเราทั้งสองข้าง เราต้องคงจะได้มีโอกาสที่จะเดินทางไปมาหาสู่กันง่ายขึ้นต่อไปในอนาคต โดยการคมนาคมทางบก ไม่ว่าจะเป็นทางรถยนต์หรือว่าจะเป็นทางรถไฟ ต่อไปคงจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 10 ปีนี้ จะเป็นช่องทางที่ทําให้เราได้ไปมาหาสู่กัน แล้วก็ทําการค้าขายให้มีความรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าในส่วนของคนจีน หรือว่าในส่วนคนไทยก็ตาม เราจะช่วยกันต่อไปในอนาคต ก็ยิ่งจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นต่อไป "

นายจางจิ่วหวน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยก็ได้กล่ายคำปราศรัยด้วยภาษาไทย เขากล่าวว่า

"เพราะเราทราบกันดีว่า ฯพณฯท่านนายกรัฐมนตรีให้ความสําคัญแก่ประเทศจีน ให้ความสําคัญแก่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยเป็นอย่างมากมาโดยตลอด ไม่เฉพาะในช่วงเวลานี้ เมื่อท่านยังเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ท่านก็ได้ทําหน้าที่และสร้างความจริงความชอบอย่างมากมายให้แก่สัมพันธ์ไมตรีระหว่างจีนกับไทยมามากแล้ว หลังจากฯพณฯท่านได้ดํารงตําแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านได้ไปเยี่ยมเยือนประเทศจีนในระยะเวลาอันสั้น ไปร่วมการประชุมสุดยอดระหว่างจีนกับอาเซี่ยนเพื่อที่จะเฉลิมฉลองการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซี่ยนในนครหนานหนิงมณฑลกวางสีของจีน สิ่งที่ทําให้พวกเราประทับใจมากที่สุดก็คือในระหว่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยกันกับผู้นําจีน ท่านได้แนะนําแนวความคิดบริหารประเทศแห่งความสมานฉันท์ ซึ่งตรงกับแนวความคิดของผู้นําจีนเช่นกัน ที่ต้องการจะสร้างสรรค์สังคมจีนให้เป็นสมานฉันท์ ตลอดจนสร้างโลกให้เป็นสมานฉันท์ด้วย ซึ่งภายใต้แนวความคิดสมานฉันท์นี้ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยกําลังคืบหน้าไปและพัฒนาไปสู่อีกระดับหนึ่ง ปีนี้เป็นปีครบรอบ 32 ปีแห่งความสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทย ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจตลอดจนความร่วมมือทางด้านการเมือง วิทยาศาสตร์ การศึกษา เทคโนโลยีและต่างๆ ก็ได้มีการพัฒนาไปด้วยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การค้าขายระหว่างจีนกับไทย ปีที่แล้วได้สูงถึง 44,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเทียบกับ 32 ปีก่อนมีแค่ 30 ล้านเท่านั้น เพิ่มขึ้นถึงพันเท่า เพราะฉะนั้นเป็นที่น่ายินดี ด้วยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางด้านการแลกเปลี่ยนผลผลิตทางการเกษตร ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็น 30% โดยเฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 26% ที่นี่กล่าวได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันนั้นกําลังคืบหน้าไปด้วยดี ที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยได้มีการพัฒนาไปด้วยดีก็เนื่องจากการใช้ความพยายามร่วมกันของผู้นํา รัฐบาลและประชาชนทั้งสองประเทศด้วยกัน เรามีความมั่นใจว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและการค้าขายระหว่างสองประเทศจะมีอนาคตอันกว้างขวาง ประชาชนชาวจีนกําลังรอยคอต้อนรับฯพณฯท่านนายกรัฐมนตรีที่กําลังเดินทางจะไปเยือนประเทศจีนในเร็ว ๆนี้ พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งและมีความเชื่อมั่นว่าการเยือนประเทศจีนของฯพณฯท่านนายกรัฐมนตรีและคณะคราวนี้ต้องตั้งความดีความชอบให้แก่การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยอีกครั้งหนึ่ง"