แผนที่นครฉงชิ่ง
ผู้ว่าการนครฉงชิ่ง หวังหงจี่ว์
Website : www.cq.gov.cn
นครฉงชิ่ง ชื่อย่อ อี๋ว์ (?)
ภูมิประเทศ
ตั้งอยู่ทางตอนบนของแม่น้ำแยงซีเกียง เป็นพื้นที่คร่อมระหว่างเขตที่ติดต่อกับภาคกลางและภาคตะวันตกของจีน มีพื้นที่ติดกับมณฑล หูเป่ย หูหนัน กุ้ยโจว ซื่อชวนและส่านซี มีพื้นที่ 82,400 ตร.กม. ภายในตัวเมืองมีแม่น้ำไหลพาดผ่านหลายสาย
ภูมิอากาศ
มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียสต่อปี สำหรับอุณหภูมิสูงสุดโดยเฉลี่ย 27-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดโดยเฉลี่ย 6-8 องศาเซลเซียส
ทรัพยากร
ฉงชิ่งเป็นหนึ่งในสามของแหล่งสินแร่ที่สำคัญของประเทศ เท่าที่สำรวจพบได้แก่ ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ สตรอนเตียม อลูมิเนียม แมงกานีส หินปูน ยิปซั่ม ปรอท หินเขี้ยวหนุมาน หินเกลือ และอื่นๆกว่า 38 ชนิด ในจำนวนนี้แร่สตรอนเตียมมีมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ และเป็นอันดับสองของโลก
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่อุดมด้วยทรัพยากรน้ำและสัตว์ป่า มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย เช่นน้ำตก น้ำพุ ป่าเขาและถ้ำต่างๆ รวมถึงหุบเขาแห่งแม่น้ำแยงซีซึ่งปัจจุบันกลายเป็นเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำซานเสีย
ประชากร
31.4423 ล้าน (ปี 2007) มีเชื้อชาติฮั่นเป็นหลัก และอีก 43 ชนกลุ่มน้อยได้แก่ ถู่เจีย ทิเบต แม้ว แมนจู จ้วง มองโกล ปู้อี ไป๋ ไต่ นาซี ลาหู้ หว่าเป็นต้น รวมประชากรชนกลุ่มน้อย 1,750,000 คนในจำนวนนี้ ชนชาติถู่เจียมีประชากรมากที่สุด รองลงมาคือ ชนชาติแม้ว
เศรษฐกิจ
ปี 2006 นครฉงชิ่งมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ 348,620 ล้านหยวน มูลค่าการเติบโตของการผลิตในภาคการเกษตรคิดเป็น 5.2% ภาคอุตสาหกรรม 14% ภาคบริการ 13.6%
สภาพแวดล้อมทั่วไป
ฉงชิ่ง เป็นเมืองล่าสุดแห่งที่ 4 ซึ่งขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง ( ต่อจากปักกิ่ง เทียนจิน และเซี่ยงไฮ้ ) เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการคมนาคมทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ฉงชิ่งยังเคยเป็นที่ตั้งรัฐบาลกลางของจีนอีกด้วย
ฉงชิ่ง เคยเป็นเมืองหลวงจีนระหว่างปี 1938-1945 มีประชากรกว่า 30 ล้านคนในปัจจุบัน มีพื้นทั้งสิ้น 82,000 ตารางกิโลเมตร เป็นนครที่มีประวัติความเป็นมายาวนานอีกแห่งหนึ่ง ย้อนหลังไปได้ถึงสมัยหินเก่า ที่รอยเท้าของผู้คนได้ย่างเข้ามาประทับบนผืนดินนครแห่งนี้แล้ว เดิมฉงชิ่งเคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นปา สมัยราชวงศ์ซาง-โจว ชนเผ่าปา มีนิสัยกล้าหาญ ชำนาญการรบ ชมชอบการร้องรำทำเพลง
สมัยก่อนฉงชิ่งมีชื่อเรียกมากมาย ส่วนชื่อ "ฉงชิ่ง" ได้มาตอนที่บุรุษนาม "กวงจง"ได้รับสถาปนาเป็นท่านอ๋องในยุคซ่งใต้ ภายหลังยังเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินอีก จึงเหมือนกับมี "เรื่องยินดีซ้ำอีกครั้ง" จีนใช้สำนวนว่า "ซวงฉงสี่ชิ่ง" จึงย่อเหลือเพียงคำว่า "ฉงชิ่ง" และนำมาใช้เป็นชื่อนครแห่งนี้
ในยุคสงครามต่อต้านญี่ปุ่น รัฐบาลก๊กมินตั๋งย้ายมาอยู่ฉงชิ่งและตั้งชื่อเป็น "นครแห่งสงคราม" ปี 1940 ยกฐานะขึ้นเป็นเมืองหลวง เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นปกครองประเทศ ฉงชิ่งขึ้นตรงต่อมณฑลเสฉวน จัดเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของมณฑล ในปี 1997 ได้รับการยกเป็นมหานครที่ขึ้นตรงต่อส่วนกลางแห่งล่าสุด ถัดจาก ปักกิ่ง เทียนจินและเซี่ยงไฮ้ เพราะรัฐบาลจีนยุคใหม่ต้องการใช้นครแห่งนี้เป็นศูนย์กลางพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันตกทั้งหมดของจีน
ฉงชี่งมีอากาศร้อนมากในฤดูร้อน จนเคยได้รับการขนานนามว่าเป็น "เตาไฟ" ของจีนแห่งหนึ่ง แต่เมื่อมีการก่อสร้าง "โครงการเขื่อนซานเสีย"หรือเขื่อนไตรผา ทำให้สภาพอากาศดีขึ้น ไม่ร้อนมากเช่นดังแต่ก่อน ที่ตั้งอยู่บนดินแดนที่แม่น้ำแยงซีไหลผ่าน และเป็นเพราะมีหมอกลงจัดในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง จึงได้ชื่อว่าเป็น "อู้ตู" หรือเมืองในหมอก อีกทั้งนครแห่งนี้มีภูเขาล้อมรอบ 4 ด้านจึงได้ชื่อ "ซานเฉิง " หรือเมืองภูเขาอีกชื่อหนึ่ง สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ โครงการเขื่อนซานเสีย และโบราณสถานต้าจู๋ ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก
มหาวิทยาลัยฉงชิ่ง(CHONGQING UNIVERSITY)
มหาวิทยาลัยฉงชิ่งได้เป็นผู้นำของศูนย์กลางการศึกษาระดับสูงในเมืองฉงชิ่งมาตั้งแต่ปี 1929 และในปัจจุบันนี้ มหาวิทยาลัยฉงชิ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติที่สำคัญแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ และใหญ่ที่สุดในเมืองฉงชิ่ง
|